Friday, October 29, 2004

เอสยูวียอดเยี่ยมแห่งปี 2005 แลนด์โรเวอร์ แอลอาร์3


2005 Land Rover LR3 ผู้มาใหม่ที่สมบูรณ์แบบ (ภาพ edmunds.com ข้อมูล motortrend.com) Posted by Hello

มอเตอร์เทรนด์ นิตยสารรถที่โด่งดัง ได้ประกาศรางวัลเอสยูวียอดเยี่ยมแห่งปี 2005 แล้ว และผู้ที่ยืนแป้นรับโล่ คือ แลนด์โรเวอร์ แอลอาร์3

เอสยูวียอดเยี่ยมแห่งปีคันนี้ ได้ถูกคัดสรรอย่างพิถีพิถันตามแบบฉบับที่ได้รับความเชื่อถือสูงตลอดมา โดยมีรถที่เข้าข่ายเพื่อคัดเลือก 7 คัน ได้แก่ เชฟโรเล็ตอีควีน็อกซ์, ฟอร์ดเอสเคปไฮบริด, ฟอร์ดฟรีสไตล์, จีปแกรนด์เชอโรกี, อิฟินิติคิวเอ็กซ์ 56, แลนด์โรเวอร์ แอลอาร์3 และ นิสสันพาร์ทไฟน์เดอร์ ซึ่งข้อกำหนดคือ ต้องเป็นรถเอสยูวีใหม่หรือรุ่นปรับโฉมที่มีวางตลาดจำหน่ายในวันที่ 1 มกราคม 2005

การหาผู้ชนะในแบบของมอเตอร์เทรนด์นั้นประเมินกันละเอียดยิบ ทั้งบนถนนดำ นอกถนน และในลานทดสอบเฉพาะ โดยเขาบันทึกภาพการทดสอบไว้น่าดูชมทีเดียว หากต้องการทัศนาก็แวะคลิกไปที่นี่นะครับ

ส่วนใครที่สนใจรายงานของการทดสอบ ก็คอยหานิตยสารมอเตอร์เทรนด์ฉบับเดือนธันวาคม 2004 มาอ่านก็แล้วกัน

มอเตอร์เทรนด์ได้เลือกที่จะชูมือ แลนด์โรเวอร์ แอลอาร์3 ด้วยเหตุผลที่แลนด์ฯ คันนี้ได้ยกระดับความเป็นเอสยูวีขึ้นไปอีกขั้น ทั้งในแง่การออกแบบ ความลงตัว เทคโนโลยีและประโยชน์ในการใช้งาน

อย่างที่รู้กัน แลนด์โรเวอร์ แอลอาร์3 นั้นคือ รถที่มาแทนแลนด์โรเวอร์ดิสคัฟเวอรี ซึ่งคันเก่านั้นอ่อนด้อยไปตามกาล ตัวรถสูงโย่ง ภายในค่อนข้างคับแคบ และการออกแบบไม่ลงตัวกับนิสัยคนขับรุ่นใหม่นัก แม้ว่าจะยังมีดีในเรื่องการใช้งานออฟโรดตามแบบฉบับของยี่ห้อแลนด์ฯ แต่บนถนนดำก็สู้รถค่ายอื่นที่ออกมาใหม่ไม่ได้

ดังนั้นการมาของแลนด์โรเวอร์ แอลอาร์3 จึงพกความสดใหม่มาเต็มที่ เป็นต้นว่า รูปโฉมภายนอกที่มีเส้นสายคมกริบ สะอาดตา ทันยุคทันสมัย ส่วนภายในถูกออกแบบกว้างขวางกว่าเดิมอย่างชัดเจน ทั้งลงที่นั่งสามแถวที่ผู้ใหญ่นั่งได้สบาย ๆ

ทางด้านระบบขับเคลื่อน แลนด์โรเวอร์ แอลอาร์3 นั้นมีระบบตอบสนองต่อสภาพถนน (Terrain Response System) ที่เป็นเอกลักษณ์ คือ มีกลไกอีเล็คทรอนิกส์อันซับซ้อนเพื่อช่วยการทำงานของระบบต่าง ๆ เป็นต้นว่า ปรับระดับความสูงของรถ ปรับระบบกันสะเทือนแบบ air suspension คุมการทำงานของเครื่องยนต์ 8 สูบ 300 แรงม้า คุมเบรค และปรับระบบช่วงล่างให้เหมาะกับสภาพถนน ไม่ว่าจะเป็นทางด่วน ทางโรยกรวด ทางคลุมด้วยหิมะ ทางโคลน หรือทางที่เต็มไปด้วยก้อนหิน โดยผู้ขับเพียงแต่ปรับง่าย ๆ ที่ปุ่มบริเวณคอนโซลกลางเท่านั้น

แองกัส แมคเคนซี นายใหญ่ของมอเตอร์เทรนด์ชื่นชมแลนด์โรเวอร์ แอลอาร์3 ว่า เป็นรถที่ปรับดุลการขับขี่บนถนนดำและนอกถนนได้เยี่ยม ว่ากันว่าการขับแลนด์โรเวอร์ แอลอาร์3 นั้นง่ายเหมือน การชี้-คลิก-ขับ ในภาษาคอมพิวเตอร์นั่นเชียว ทำให้ไม่ว่าจะเป็นการควบแบบคาวบอยโรดิโอ หรือการลุยรูบิคอน เทรล ก็ไปแบบฉลุย เงียบ มั่น และสบาย

ในช่วงนี้นอกจากมอเตอร์เทรนด์แล้ว เอ็ดมุนส์ก็ได้รายงานการทดสอบแลนด์โรเวอร์ แอลอาร์3 ไว้น่าอ่านเช่นกัน คลิกไปที่นี่ครับ

ข้อมูลเพิ่มเติม : ประมวลภาพการทดสอบรถเอสยูวีแห่งปีของมอร์เตอร์เทรนด์, รายงานการทดสอบแอลอาร์ 3 ของเอ็ดมุนส์

รถแบรนด์ใหญ่ ไปงานเล็ก


Hummer H3 (ภาพและข้อมูล usatoday.com) Posted by Hello

ในช่วงนี้กำลังมีงานแคลิฟอร์เนียออโตโชว์ที่แอนาไฮม์ บรรดาค่ายรถที่ขี้เกียจรองานดีทรอยท์ออโต้โชว์ในเดือนมกราคม ก็พากันปล่อยรถเด็ด ๆ ออกมาอวด

เป็นต้นว่า ฮัมเมอร์จากค่ายจีเอ็มที่เคยออกรถใหญ่ และดุ ก็อวดฮัมเมอร์เอช 3 ที่เล็กลง และสุภาพขึ้น ทว่ายังเก่งในทางออฟโรดเช่นเดิม อย่างที่เราได้เคยพูดกัน ฮัมเมอร์เอช 3 นั้น คือ เชฟวีโคโลราโดที่ใส่กระดอง ใส่การออกแบบภายใน และลงระบบกันสะเทือนของฮัมเมอร์เข้าไป

ฮัมเมอร์วางเป้าไว้ว่าจะขายได้ประมาณ 25,000-30,000 คันในปีหน้า โดยเยอะกว่าเอช 2 และ เอช 1 ผู้พี่อย่างชัดเจนทีเดียว เหตุที่อยู่เบื้องหลัง คือ ฮัมเมอร์เอช 3 ถูกออกแบบมาแนวตลาด และราคาก็อยู่ในข่ายที่จ่ายง่ายขึ้น ลองนึกดูนะครับว่าเอช 1 นั้นตั้งราคาไว้ที่ 106,000 เหรียญ ส่วนเอช 2 นั้นติดป้ายอยู่ที่ 52,000 เหรียญ ขณะที่เอช 3 คิดเบาะ ๆ ที่ 35,000 เหรียญเท่านั้น


Jaguar X-type Sportwagon รถแวกอนคันเล็กสุดจากจากัวร์ Posted by Hello

อีกคันคือ จากัวร์เอ็กซ์ไทป์สปอร์ตวากอน หรือที่ทางยุโรปเรียกว่าเอสเตท ซึ่งเป็นรถขับเคลื่อนสี่ล้อ พร้อมกับเครื่องหกสูบแรง ๆ

เอ็กซ์ไทป์อันเป็นแจ็กน้องเล็กสุดถูกจับเติมบริเวณใช้สอยด้านท้ายในคราวนี้ ว่ากันว่าก็เพื่อลงตลาดช่วยกู้ยอดขายของจากัวร์ที่กำลังตกลงในปีนี้

ราคาอยู่ที่เบาะ ๆ ครับ 36,995 เหรียญ

อีกคันที่มาเปิดตัวกับเขาด้วยคือ วอลโว่เอ็กซ์ซี 90 เป็นเอสยูวีสายเลือดสวีเดนที่ลงเครื่อง 8 สูบ อันเป็นแปดสูบครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของวอลโว่

และที่น่าสนใจนะครับ คือ เครื่องแปดสูบ 4.4 ลิตร 311 แรงม้า พร้อมแรงฉุด 325 ปอนด์ฟุต ที่ลงในวอลโว่นั้นกลับถูกสร้างโดยยามาฮ่า เจ้าแห่งมอเตอร์ไซค์นั่นเอง

เอ็กซ์ซี 90 แปดสูบคันนี้ ติดป้าย 46,080 เหรียญ

และคันสุดท้ายที่เตะตาคือ เกียสปอร์ตเทจใหม่ ที่ใช้แชสซีร่วมกับฮุนไดทัคซัน ซึ่งเป็นของฮุนไดบริษัทผู้กุมชะตากรรมของเกียไปแล้ว

มาสด้าอาร์เอ็กซ์ 8 ไฮโดรเจน


Mazda RX8 Hydrogen (ภาพและข้อมูล carkeys.co.uk) Posted by Hello

ผู้ชำนาญการเขาบอกไว้ว่าเครื่องโรตารีนั้นเหมาะกับการปรับเป็นรถใช้พลังงานไฮโดรเจนเป็นที่สุด และมาสด้าบริษัทรถหนึ่งเดียวในยามนี้ที่ทำรถลงเครื่องโรตารีขาย ก็เล็งไฮโดรเจนไว้เหมือนกัน โดยซุ่มทำโปรเจคท์ไฮโดรเจนมาตั้งแต่ปี 1991 เพียงแต่อยู่ในรูปของรถนั่ง รถแวน รถกอล์ฟที่วิ่งในที่ทางส่วนตัว นาน ๆ ทีถึงจะปล่อยออกมาทดสอบในถนนหลวงครั้งหนึ่ง

ตัวที่ออกวิ่งทดสอบครานี้เป็น อาร์เอ็กซ์ 8 เอช2อาร์อี ที่ใช้พลังงานคู่ โดยวิ่งได้ทั้งการใช้เบ็นซิน หรือไฮโดรเจน อันแปรต่างจากอาร์เอ็กซ์ 8 คูป ตัวที่ใช้ไฮโดรเจนอย่างเดียว ที่ได้อวดตัวในงานโตเกียวมอเตอร์โชว์ไปเมื่อปีที่แล้ว

อาร์เอ็กซ์ 8 เอช2อาร์อี นั้นแบกถังไฮโดรเจนแรงอัดสูงขนาด 74 ลิตรมาด้วย และเทคนิคการใช้พลังงานคู่ก็ทำให้ผู้ใช้เบาใจว่าถึงไฮโดรเจนจะหมดถังก่อนถึงปั๊มก็ยังมีเบ็นซินช่วย

หากเป็นไปตามแผนที่มีไว้ อีกปีสองปีก็อาจจะให้หน่วยราชการ หรือองค์กรหาซื้อไปใช้ได้

ว่าแต่ว่าหน่วยราชการ หรือองค์กรใดฤา ที่จะใช้อาร์เอ็กซ์ 8 ในชีวิตการทำงานประจำวัน

Thursday, October 28, 2004

ฮอนด้าส่งเอฟอาร์-วี เสียบกลางแจ๊ซและสตรีม


Honda FR-V รถหกที่นั่ง ขนาดกำลังดี ตัวใหม่จากฮอนด้า (ภาพและข้อมูล carpages.co.uk) Posted by Hello

สัปดาห์นี้ ฮอนด้าเปิดตัวแนะนำรถเอ็มพีวีขนาดเล็ก ห้าประตู หกที่นั่ง อันเป็นรถตัวใหม่หมดจด ในชื่อฮอนด้าเอฟอาร์-วี อันย่อมาจาก Flexibility Recreation and Versatility โดยมีกำหนดลงตลาดอังกฤษในกลางเดือนพฤศจิกายน 2004

ซิมอน ทอมป์สัน หัวเรือของฮอนด้าอังกฤษ ได้เผยว่า การใช้ที่นั่งสองแถว แถวละสามที่นั่ง คือเอกลักษณ์เฉพาะของเอฟอาร์วี ที่สร้างอรรถประโยชน์สมชื่อ สะดวกทั้งการขนคน หรือการขนสัมภาระ เอื้อให้เด็กสามารถนั่งเบาะหน้ากับพ่อแม่ได้ หรือหากเลือกจะนั่งเบาะหลัง ก็อยู่ในรัศมีที่เอื้อมถึงกันง่าย

ราคาจำหน่ายของเอฟอาร์-วี 1.7 ลิตรวีเทคนั้นอยู่ที่ 14,750 ปอนด์ (หรือ 1,100,000บาท) 2.0 ลิตรวีเทคอยู่ที่ 15,700 ปอนด์ และ 2.0 ลิตรวีเทคสปอร์ตติดป้าย 16,400 ปอนด์ นอกจากนี้ฮอนด้ายังมีแผนจะเอาเครื่องเครื่องดีเซลอะลูมินัมล้วน 2.2 ลิตร ไอ-ซีดีทีไอ ของแอคคอร์ดมาลงในซัมเมอร์ปี 2005

ฮอนด้าตั้งเป้าไว้ว่า ปีหน้าจะขายเอฟอาร์-วี 5,000 คัน อันเป็นเสี้ยวเค้กจาก 200,000 คันของตลาดรถกลุ่มนี้ในอังกฤษ

หากท่านคิดว่าแจ๊ซนั้นเล็กไป และสตรีมนั้นก็เทอะทะเกิน นั่นแหละครับ เอฟอาร์-วีตัวนี้เข้าเสียบตรงกลางได้พอดิบพอดี

พอร์ชจะเอาเครื่องโตโยต้ามาลงเคย์เอนน์


Porsche Cayenne SUV (ภาพและข้อมูล : autoweek.com) Posted by Hello

เมื่อพอร์ชคิดจะทำรถไฮบริด พอร์ชเลือกโตโยต้า

โดยข่าวจากสตุตการ์ทบอกว่า ในขณะนี้พอร์ชกำลังศึกษาความเป็นไปได้ของการทำเคย์เอนน์ไฮบริดอยู่อย่างจริงจัง และพอร์ชคิดจะเอาเครื่องไฮบริดของโตโยต้าที่จะลงใน รถเอสยูวีหรูเล็กซัสอาร์เอ็กซ์ 400 เอช มาวางในพอร์ชเคย์เอนน์ โดยบอกปัดว่าพอร์ชไม่เอาเครื่องดีเซลมาลงแน่

ทางโตโยต้าเองก็คิดว่า ระบบไฮบริด 270 แรงม้าของตัวเองนั้นเหมาะที่จะลงเคย์เอนน์ได้

งานนี้หากเป็นจริง ก็นับว่าโตโยต้ากำลังเดินแต้มที่จะเป็นเจ้าแห่งเทคโนโลยีไฮบริดได้อย่างงดงาม เพราะนอกจากจะปั๊มรถไฮบริดของตัวเองขายกันอุตลุดแล้ว ยังมีบริษัทอื่น ๆ พากันซื้อเทคโนโลยีไปใช้กันเป็นแถว ที่มีมาแล้วก็คือ ฟอร์ดเอาไปลงในเอสเคป และนิสสันก็ซื้อไปลงในอัลติมา

หรือนี่คือสิ่งบอกใบ้ว่าโตโยต้าที่ตอนนี้เป็นหนึ่งในโลกด้านผลกำไร และคุณภาพ จะต่อความฝันของการเป็นเบอร์หนึ่งของโลกในด้านยอดขายให้เป็นจริงได้

บทความที่เกี่ยวข้อง : โตโยต้าหนึ่งในโลกด้านผลกำไร และคุณภาพ, โตโยต้าพรีอุส ไฮบริดตัวป่วน , ฟอร์ดสร้างชื่อด้วย 13.2 กิโลเมตรต่อลิตร จากเอสเคป , 2007 Nissan Altima Hybrid

มิตซูบิชิมอเตอร์ ประเทศไทย เคาะส่งออก 700,000 คัน


Mitsubishi Strada Pickup หน้าตาอย่างนี้มาจากไทยแลนด์นะจ๊ะ (ข้อมูล sg.biz.yahoo.com ภาพ มิตซูบิชิมอเตอร์ประเทศไทย) Posted by Hello

เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา มิตซูบิชิมอเตอร์ประเทศไทยประกาศความสำเร็จในการส่งออกรถยนต์ที่ประกอบในประเทศไทยออกสู่ตลาดโลก อันจะครบเลขสวย 700,000 คันในเดือนมีนาคมปีหน้านี้

โดยตัวเลขนี้เริ่มนับจากการตั้งต้นส่งออกเมื่อปี ค.ศ. 1998 ซึ่งรถที่ส่งออกส่วนใหญ่คือปิคอัพสตราดา ส่วนในปีนี้เป้าหมายของมิตซูแดนสยาม ตั้งเป้าการขายรถไว้ที่ 140,000 คัน โดย 100,000 คันในจำนวนนั้นเป็นการผลิตเพื่อส่งออก

ฮิซาโยชิ กูมาอิ ประธานมิตซูบิชิมอเตอร์ประเทศไทย ยังเผยต่อว่า จะใช้โรงงานในไทยเป็นฐานการผลิตมิตซูบิชิเสปซวากอนที่เปิดตัวในไทยเมื่อวันศุกร์ เพื่อส่งขายทั่วโลกด้วย โดยจะเริ่ม "ส่งนอก" ในปีหน้า เป้าหมายไม่มากไม่น้อย เดือนละ 100-200 คันในระยะแรก แล้วค่อยขึ้นถึง 500-1000 คันในอนาคต

ช่วยกันลุ้นนะครับ เพราะอาการมิตซูทั่วโลกกำลังทรุดหนัก ถ้ามิตซูเมืองไทยไปได้สวย เราก็คงได้เห็นอะไรดี ๆ ออกมามากขึ้น

บทความที่เกี่ยวข้องกัน : แผนการตลาดใหม่ เฮือกสุดท้ายเพื่อกอบกู้มิตซูบิชิ

Wednesday, October 27, 2004

ฤาวีโก้จะทำสำเร็จ


2004 Toyota Hilux Vigo (ภาพ : toyota.co.th) Posted by Hello

สองสามวันมานี้ไปแถบอีสานใต้มาครับ

ตัดสินใจแบบปุบปับ ออกเดินทางคืนวันอาทิตย์และก็กลับมาถึงค่ำวันอังคาร

ที่น่าสังเกตสำหรับ "วงเล่า" หรือ เว็บล็อก SundayMorning's Autotalk ก็คือ

ในแถบที่แถวนั้นชาวบ้านทำนา ทำไร่ ทำสวนกัน และเขาใช้รถกระบะกันเป็นล่ำเป็นสัน ชนิดที่ว่าหากมีรถวิ่งผ่านสิบคัน แปดถึงเก้าคันจะเป็นรถที่มีด้านหลังเปิดบรรทุกของได้

ครับ กระบะส่วนใหญ่จะเป็นอีซูสุ รองลงไปคือ โตโยต้า แต่ยี่ห้ออื่น ๆ ก็มีแทรกเข้ามาพอสมควร

ทว่าที่เตะตาที่สุดก็คือ ในบรรดากระบะป้ายแดงซึ่งมีค่อนข้างหนาตา ทั้ง ๆ ที่ฤดูเก็บเกี่ยวเพิ่งจะเริ่มได้ไม่กี่วันเท่านั้น และเป็นกระบะแปะป้ายไฮลักซ์วีโก้เยอะมาก ๆ

ในสองวันที่เตร็ดเตร่ไม่เฉพาะเส้นทางเบอร์ 24 แม้แต่เส้นทางซอกเล็กซอกน้อยที่เข้าไปในหมู่บ้าน หรือผ่ากลางป่า หรือทางกันดารชนิดถนนดินล้วน ๆ ก็ยังไปปะเข้ากับวีโก้จนได้

คือ ผมไม่ได้คิดจะเก็บตัวเลขจะทำสถิติอะไร แต่ว่าพอเห็นกระบะใหม่ ๆ เป็นวีโก้เสียเยอะ ก็เลยตั้งใจดูว่าจะมียี่ห้ออื่นที่ออกใหม่บ้างไหม ปรากฎว่าในขากลับเส้นทางเบอร์ 24 จากศรีสะเกษจนถึงโคราช ที่เป็นถนนลาดยางสายหลักในแถบอีสานใต้ และเป็นถนนชนิดรถสวนกัน ซึ่งทำให้สังเกตรถอีกฝั่งได้ง่าย ผมเจอป้ายแดงอีซูสุแค่คันเดียว มีมาสด้าสองคัน ฟอร์ดหนึ่งคัน นอกนั้นเป็นวีโก้ล้วน ๆ อยู่ในหลักหลายสิบ

จากที่เห็นก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นการบ่งชี้ถึงความเปลี่ยนแปลงใด ๆ ในตลาดรถกระบะเมืองไทยหรือไม่ แต่ก็พอจะเดาออกว่าชาวบ้านจะหันมาทางวีโก้ มากกว่าที่เคยแลไทเกอร์


ไครสเลอร์เอ็มอี โฟร์-เทว็ลฟ์


Chrysler ME-Four-Twelve (ภาพและข้อมูล roadandtrack.com) Posted by Hello

มีบางคนโชคดีที่ได้ควบไครสเลอร์เอ็มอีโฟร์เทวลฟ์ตั้งแต่ยังเป็นรถต้นแบบ แล้วก็เอาเรื่องมาเล่าให้เราได้หูผึ่ง

รถซูเปอร์คาร์ที่ผู้ผลิตรถหมายเลขสามของมะกันบรรจงปั้น ตั้งใจสร้างให้เป็นรถที่เกินธรรมดา อย่างที่ชื่อบอกใบ้ไว้ เอ็มอีโฟร์เทวลฟ์มีหัวใจเป็นเครื่องวางกลาง 12 สูบ สี่เทอร์โบชาร์จ 850 แรงม้า แรงฉุด 850 ปอนด์ฟุต โดยมาในแนวเสียงคำรามลึก หาใช่เสียงกรีดสูงอย่างหลาย ๆ คันของสำนักญี่ปุ่นไม่

นั่นคือ ส่วนหนึ่งของความอลังการของรถหรูแรงคันนี้ หากเลาะไล่ต่อไปก็จะเจอองค์ประกอบที่นักเลงรถต้องน้ำลายหก ไม่ว่าจะเป็น ชุดเบรคของเบรมโบ ระบบคลัทช์คู่ไร้แป้น 7 สปีดของริคาร์โด ที่นั่งแบบรถแข่ง พวงมาลัยถอดได้ ฯลฯ

เขาว่ากันว่ามีสองสิ่งที่โดดเด่นมากสำหรับรถต้นแบบจากสำนักที่มีแต่ดอดจ์ไวเปอร์เป็นตัวชูธงมาก่อนหน้านี้ หนึ่งคือ เส้นสายของรถที่สดใหม่ มองผาด ๆ เหมือนเจ้าป่าอันน่าเกรงขามกำลังทะยานไปข้างหน้า สองคือ เครื่องยนต์ข้างต้นจากสำนักเอเอ็มจีที่ฉุดรถจาก 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงด้วยเวลาเพียง 2.9 วินาที

หากไครสเลอร์ตัดสินใจจะทำรถเหนือรถคันนี้ออกขายจริง ก็คงจะได้เห็นซูเปอร์คาร์สัญชาติอเมริกัน วิ่งกวดทาบรัศมีซูเปอร์คาร์ของมหาเศรษฐีวัยรุ่นเจ้าของธุรกิจคอมพิวเตอร์ในถนนแถว ๆ ซิลิคอนแวลเลย์กันไม่น้อยเป็นแน่

บีเอ็มดับเบิลยูซีรี่ส์ 3 ใหม่


New BMW 3 Series Posted by Hello

ในช่วงสัปดาห์นี้ หากใครเข้าเวบไซต์เกี่ยวกับรถยนต์ก็คงได้เห็น ได้อ่านข่าวของบีเอ็มดับเบิลยู 3 ตัวใหม่กันละลานตาไปหมด

โดยการมาของเจ้า 3 ใหม่นี้ บาร์วาเรียนมอเตอร์เวอร์คเลือกที่จะไม่ทำอะไรหวือหวา ดังที่ตัวเคยลองกับซีรีส์ 5 หรือ 7 แต่เป็นการก้าวสู่อนาคตโดยใช้แนวตลาดนิยม

นั่นคือ หน้าตาของซีรีส์ 3 รุ่นที่ห้านี้ ดูเรียบ ๆ ไม่ตกสมัย มีขนาดใหญ่กว่าเดิมในทุกมิติ เพราะถูกวางตำแหน่งทางการตลาดสูงขึ้นจากที่เคยเป็นรถซีดานหรูตัวฐานล่างขึ้นอีกขั้น เนื่องจากยกหน้าที่นั้นให้ซี่รีส์ 1 ไปแล้ว ภายในนั้นใหญ่เกือบเท่าซีรีส์ 5 คันเดิม แม้ว่าจะใช้เพลทฟอร์มขับหลังใหม่ร่วมกับซีรีส์ 1 ก็ตาม

เส้นสายของเจ้า 3 นั้นยังคงเค้าร่างของความเป็นบิมเมอร์อยู่ไม่ว่าจะมองจากด้านใด ผู้คนก็บอกได้ว่านี่คือบีเอ็มดับเบิลยู

ว่ากันว่า บาร์วาเรียนมอเตอร์เวอร์คต้องเล่นแนวสุขุมกับซีรีส์ 3 นั่นก็เพราะรุ่นอนุกรมนี้เป็นตัวทำเงินหลักให้แก่สำนัก ดังเช่นปีที่แล้ว ซีรีส์ 3 ถูกขายออกไปคิดเป็น 57 เปอร์เซนต์ของบีเอ็มที่ลูกค้าทั่วโลกขับออกจากดีลเลอร์ หรือถึง 528,258 คันนั่นเอง



New BMW 3 series Posted by Hello

ส่วนในด้านเครื่องยนต์ บีเอ็มดับเบิลยู 3 ไม่มีการย้อนแนว ไม่ว่าจะเป็นเครื่อง 2.5 ลิตร 210-215 แรงม้า หรือเครื่อง 3.0 ลิตร 255 แรงม้า ที่พัฒนาให้แรงฉุดมารอบต่ำกว่าเดิม และใช้บล็อกแมกนีเซียมแทนที่อลูมินัมเพื่อลดน้ำหนัก

ช่วงล่างหน้าแม็กเฟอร์สันสตรัทใช้อลูมินัม ช่วงหลังเป็นระบบไฟว์ลิงค์แทนที่จะเป็นโฟร์ลิงค์อย่างแบบเดิม

ส่วนโครงสร้างของตัวถัง ซีรีส์ 3 ไม่ยึดแนวพี่ ๆ ที่หันไปเสริมอลูมินัม โดยยังคงใช้เหล็กกล้าเพื่อคุมต้นทุนราคารถ

ซีรีส์ 3 ทุกคันจะมากับระบบควบคุมการทรงตัวแบบไดนามิค - dynamic stability control (DSC) ล่าสุดของบีเอ็ม ซึ่งในรุ่นสูงยังเพิ่มโหมด "Start Off" ที่ป้องกันรถไหลถอยหลังขณะขึ้นเขา โหมด "Soft Stop" อันป้องกันอาการหัวทิ่มยามเบรคถูกกระทืบแรง ๆ และโหมด "Dry Braking" ที่ช่วยรักษาดิสก์ให้แห้งในยามฟ้าฝนลง

ภายในของซีรีส์ 3 จะคล้าย ๆ กับซีรีส์ 5 แต่ระบบไอไดรฟท์นั้นถูกจัดมาเป็นตัวเลือก

ซีรีส์ 3 ใหม่นี้ จะเริ่มเข้าสู่สายพานการผลิตในเดือนธันวาคมนี้ ที่โรงงาน 3 แห่ง คือ มิวนิค และโรเกนสเบอร์กในเยอรมัน และรอสลินในอัฟริกาใต้ แล้วค่อยขยับเปิดสายพานแห่งที่ 4 ในเยอรมันตะวันออกต่อไป

ข้อมูลและภาพ : autoweek.com