Saturday, October 02, 2004

2009 ฟอร์ดเรนเจอร์


2009 Ford Ranger (ภาพและข้อมูลจาก pickuptruck.com) Posted by Hello

ข้างบนนี้เป็นผลงานของมือใหม่คนหนึ่งที่ได้ไปฝึกงานที่สำนักออกแบบรถของฟอร์ดมอเตอร์ ซึ่งถูกโยนโจทย์มาให้แบบสั้น ๆ แต่โดน ว่า "จงออกแบบรถฟอร์ดเรนเจอร์ปี 2009"

เดวิด โรจาส์ นักศึกษาคนนั้นก็เลยสำแดงฝีมือออกมาอย่างในภาพ และกระชุ่นว่า "มันเป็นสิ่งที่จ๊าบที่สุดที่ผมเคยทำมาในคราบนักศึกษา"

ในบทความมีพูดถึงนักออกแบบมือใหญ่ของฟอร์ดหลายคนที่แวบเข้ามาในห้วงเวลาของการเรียนรู้ของเจ้าหนุ่ม แต่ที่น่าสนใจคือ ขั้นตอนการคิด ซึ่งเริ่มต้นจากการทำนายสิ่งที่คนจะนิยมกันในปี 2009 แล้วจึงนำมาออกแบบภายในของรถ จากนั้นค่อยดึงสิ่งที่อยู่ภายในออกมาสู่ภายนอกตัวรถ

หนึ่งในสิ่งที่ก๊กทำงานพล่ามถึงคือ การใส่ดีเซลเข้าไป อันเป็นเรื่องที่ประหลาดในสายตาอเมริกันชน เพราะในปี ค.ศ. นี้ นอกจากรถบรรทุกยักษ์แล้ว ในอเมริกาหารถดีเซลทำยายากเหลือทน แต่ในอนาคตคนแดนคาวบอยอาจจะควบม้าดีเซลกันมากขึ้น

เจ้าเด็กหนุ่มโยง "ดีเซล" เข้ากับสิ่งที่พอเห็นได้ตามห้างสรรพสินค้าอย่าง ดิลลาร์ดส หรือเจซีเพ็นนี คือ ผ้าเดนิมดิบ ๆ, รองเท้าหนัง และนาฬิกา อันเป็น "ดีเซล" ที่เป็นยี่ห้อของเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับข้อมือที่มะกันคุ้นเคยมากกว่า

จากการตอบโจทย์ด้วยวิธีคิดดังกล่าว ผลที่ได้ก็คือ 2009 ฟอร์ดเรนเจอร์ดังในภาพ

ทีนี้การที่เข้าตั้งโจทย์ ฟอร์ดเรนเจอร์ 2009 ให้เด็กทำ แล้วจะเป็นสิ่งบอกใบ้ว่าเรนเจอร์ตัวใหม่หมดจดจะมาในปี 2009 หรือเปล่านั้น อันนี้ก็น่าคิด

แต่ดูรูปการณ์แล้วไม่น่าใช่

อย่างที่เคยคุยกันไว้ในบทความก่อน ๆ ว่าช่วงนี้เป็นขาลงของฟอร์ดเรนเจอร์ เพราะว่าตัวปัจจุบันทุกอย่างมันเก่าไปเต็มทีแล้ว ลองเปรียบดูนะครับว่า ฟอร์ดเรนเจอร์กับคู่แฝดมาสด้าอนุกรมบีตัวปัจจุบันนั้น เคยถูกจับให้เป็นแม่แบบเพื่อสร้างฟอร์ดเอ็กซ์พลอเรอร์รุ่นแรก ที่ขายดีเถิดเทิงมาแล้ว (แม้จะมีกรณียางระเบิด จนต้องขึ้นโรงขึ้นศาลไปไม่รู้เท่าไร ก็ไม่กระทบนัก) และฟอร์ดเอ็กซ์พลอเรอร์ก็ปรับโฉมไปใหม่หมดมาหลายปี กระทั่งรอบแห่งการปรับใหม่จะมาถึงในอีกไม่ช้า

ที่สำคัญคู่แข่งในตลาดกระบะขนาดเล็ก/กลาง อย่างเชฟวี ดอดจ์ โตโยต้า หรือนิสสัน ก็ปล่อยโคโลราโด ดาโกต้า ทาโคมา และฟรอนเทียร์ตัวใหม่ออกมากันเป็นระลอก หากฟอร์ดกันตลาดปิคอัพรุ่นเล็ก/กลางไว้ไม่ดีก็มีสิทธิเดี้ยงสูง

ดังนั้นเรนเจอร์ที่อยู่ในท้องตลาดเวลานี้ไม่น่าจะถูกยืดอายุไปมากนัก ตัวใหม่ควรจะมา ไม่เช่นนั้นอาจเผชิญชะตากรรม "ชื่อหาย" ไปได้ง่าย ๆ

Thursday, September 30, 2004

มิตซูบิชิแลนเซอร์อีโวลูชันเอ็มอาร์


มิตซูบิชิแลนเซอร์อีโวลูชันเอ็มอาร์ (ข้อมูลจากนิตยสารโรดแอนด์แทรค)Posted by Hello

เอาแกลเลอรีภาพของมิตซูบิชิแลนเซอร์อีโวลูชันเอ็มอาร์มาฝาก เชิญคลิกที่ภาพได้ครับ

กลยุทธ์การทำรถซิ่งจัดจ้าน แล้วเอาชื่อมาถอดวิญญาณใส่รถตลาด ยังคงเป็นแนวทางมิตซูบิชิต่อไป

เจ้าเอ็มอาร์ตัวนี้ บรรณาธิการอาวุโสของนิตยสารโรดแอนแทรค ขนานนามว่า “Evo Version 2.0.” โดยเครื่องเคราถูกปรับแต่งให้รีดแรงมาออกมา 276 ตัว และแรงฉุด 286 ปอนด์ฟุต บวกกับเกียร์ 6 จังหวะ ใส่ช็อคบิลสไตน์ มีระบบป้องกันล้อลื่นไหล front helical limited-slip differential มีระบบ Active Center Differential (ACD) ที่เลือกได้ว่าจะให้ตอบสนองต่อถนนดำ ถนนโรยกรวด หรือว่าถนนคลุมด้วยหิมะ มีระบบเบรค Sport ABS และได้ล้อชนิดเบาของ BBS มาไว้โกยพื้น

ราคาอยู่ประมาณ $35,000

เก๋งดีเซลต้นแบบ D-4D 180 = โตโยต้าอะเว็นซิส


2003 Avensis รถที่ D-4D 180 ยืมกระดองมาใส่เป็นรถต้นแบบ Posted by Hello

ถึงแม้ D-4D 180 ที่โตโยต้าแสดงในงานปารีส์มอเตอร์โชว์ในสัปดาห์นี้นั้นจะเป็นรถต้นแบบ แต่กระดองที่ใส่มาก็ชัดเจนว่าเป็นโตโยต้าอะเว็นซิส (ชื่อบอกทำนองว่าเป็น Sister ของอะแวนซา แต่ไม่ได้เกี่ยวกันเลย) อันเป็นรถนั่งที่ขายดีในยุโรปของโตโยต้า

นอกจากเครื่องคอมมอนเรลตัวนี้นอกจากให้ม้ามา 180 และแรงฉุด 295 ปอนด์ฟุต แล้วโตโยต้าชูธงความสะอาดของไอเสียเป็นจุดขาย เพราะปริมาณไนตรัสออกไซด์และพรรคพวกสารเคมีที่ไม่เป็นที่ต้องการถูกปล่อยออกมาต่ำกว่ามาตรฐานยูโร 5 ถึงแปดสิบเปอร์เซนต์

ตลาดแรกที่ลงก็น่าจะเป็นยุโรป เพราะครึ่งหนึ่งของรถนั่งที่ขายที่นั่นเป็นรถเก๋งดีเซล

บทความที่เกี่ยวข้องกัน : โตโยต้าทำรถนั่ง D-4D 180

Tuesday, September 28, 2004

2005 ทาโคมา กระบะที่โตโยต้าไม่เลือกมาลงวีโก้


2005 Toyota Tacoma (ข้อมูลและภาพจากนิตยสารคาร์แอนด์ไดรเวอร์ และ pickuptruck.com)Posted by Hello

ต่อเนื่องกับลงตลาดของวีโก้ โตโยต้ายึดอลาสกาเป็นที่ประกาศตัวกระบะขนาดเล็ก/กลาง (ที่หาเส้นแบ่งกันไม่เจอแล้วในปัจจุบัน) เพื่อลงฟัดกับฟอร์ดเรนเจอร์อย่างจริงจัง

ทาโคมาที่ใหม่ตั้งแต่หัวจรดท้ายนี้กะจะมาโค่นเรนเจอร์ที่นับวันจะโรยราเต็มแก่ (ถ้าไม่อาศัยชื่อเสียงเก่า และขายความชาตินิยม คงจะไม่รอด) แม้ทาโคมาคันเก่าที่ยอดขายเป็นรอง คือ แรงเจอร์ 2 คันต่อทาโคมา 1 คันอยู่ แต่เรนเจอร์กำลังอยู่ในขาลง ขณะทาโคมากำลังเป็นขาขึ้น เมื่อเจอโมเดลใหม่เข้าไปงานนี้ก็สนุก โดยทาโคมาเสนอให้เลือกถึง 18 แบบ

กระบะโตโยต้าในตลาดอเมริกันนั้นขึ้นชื่อในเรื่องความประณีต และความได้สมดุลของกำลังกับการขับขี่ เพราะไล่สร้างชื่อมาตลอดตั้งแต่รุ่นที 100 และทันดรา (ที่กำลังจะปรับโฉมใหม่หมดอยู่เช่นกัน)

ขุมกำลังในทาโคมาส่วนใหญ่ คือ เครื่องเบนซินสี่สูบ 2.7 ลิตร 164 แรงม้า ขณะที่บางรุ่นลงเครื่องหกสูบ 4 ลิตร 245 แรงม้า กำลังฉุด 282 ปอนด์ฟุต และลากพ่วงได้ 6500 ปอนด์

ทาโคมาคันนี้รับช่วงเพลทฟอร์มมาจากโตโยต้าปราโด อันเป็นพื้นฐานที่ใช้กับเล็กซัสจีเอ็กซ์ 470 และ โตโยต้าโฟร์รันเนอร์

ที่น่าสังเกตก็คือ กระบะโตโยต้าฉบับอเมริกันตัวนี้มี Vehicle Stability Control w/ Traction Control (VSC+TRAC) ในทุกรุ่น รวมทั้ง Hill-start Assist Control (HAC) ที่กันรถไหลลงขณะขึ้นเนินด้วย และหากเลือกรุ่น TRD Off-Road Package ก็จะมาพร้อมกับ Downhill Assist Control (DAC) เพื่อการลงเขาที่สะดวกขึ้น

หันมาดูรูปร่าง หากหรี่ตามองด้านข้างระยะไกล และเปิดประตูส่องดูภายใน ทาโคมาจะดูคล้าย ๆ กับวีโก้ แต่เมื่อเข้ามาดูใกล้ ๆ ทาโคมามีกระจังหน้าและไฟหน้าที่เสริมกันให้รถดูดุดัน พร้อมกับโป่งกล้ามที่ดูแมน ผิดกับรถหน้าหวานอย่างวีโก้ไปอีกอารมณ์เลย

ใครเป็นเซียนก็ช่วยชำแหละหน่อยครับ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเอาหน้าตาอย่างนี้มาขายเมืองไทยในนามวีโก้

Monday, September 27, 2004

ฮุนได คิดจะสู้กับเสือ จึง "ยกเค้า" เสือเสียเลย


2006 Hyundai Sonata ที่จะออกมาชนกับแคมรี และแอคคอร์ดในปลายปีหน้า (ข้อมูลบางส่วน และภาพจาก cars.com) Posted by Hello

ลองหรี่ตาดูภาพ แล้วทายดูสิครับว่าท่านเห็น "เค้า" รถอะไรในภาพบ้าง

นี่แหละครับ 2006 ฮุนได (ยำใหญ่ของแท้) โซนาต้า

ฮุนได ผลุบ ๆ โผล่ ๆ ในตลาดรถยนต์เสียหลายรอบ คาดว่าปัจจุบันคงเริ่มเจนเวทีมากขึ้น และคงได้เรียนรู้เคล็ดวิชาไปไม่น้อย จากบทเรียนและประสบการณ์อันโชกโชนในหลาย ๆ ที่ หลาย ๆ แห่ง ฮุนไดน่าจะซึมซับหัวใจสำคัญของการอยู่รอดในยุทธจักรรถยนต์ไปพอควร

ตลาดเมืองไทย ผลุบมาแล้วก็เดี้ยงหาย

สิบกว่าปีที่แล้วในตลาดที่ใหญ่กว่าอย่างอเมริกา ฮุนไดก็โผล่ไปด้วยลูกไม้รถราคาต่ำกว่าใครอื่น และก็โดนขย้ำสมใจ เพราะว่าถูกก็จริงแต่ไม่ประหยัด (ค่าซ่อม)

ตอนนั้นฮุนไดคงยังไม่สันทัดจัดเจนภาษาอังกฤษ เพราะบรรดาคนอเมริกันส่วนใหญ่ที่มองหาซื้อรถไว้สำหรับแทนตีนเดินในทุก ๆ วันนั้น ท่องคำอยู่คำหนึ่งไว้ถ้วนหน้า คือ reliability ซึ่งรถอย่างโตโยต้า และฮอนด้าจากชาติคู่แค้นทั้งในอดีตกาลจวบจนปัจจุบัน เขียนคำข้างต้นใส่กระดาษแปะผนังห้องทำงานของโรงงานผลิตและดีลเลอร์กันทุกแห่ง แล้วรถก็ขายดีดุจโดนเสกด้วยอำนาจของคาถาร่ายมนต์โดเรมอน ขายได้มากชนิดที่ว่ารถอเมริกันเองยังยอมให้

คาถา reliability นั้น หากถอดเป็นไทย ก็ได้ความว่า - ทนมือ ทนตีน เชื่อใจได้ ไม่จุกจิก

เมื่อห้าหกปีที่แล้ว ฮุนไดเริ่มรู้ความมากขึ้น ก็เลยซัดยันต์เปรี้ยง "5-years/60,000-mi. basic, 10-years/100,000 powertrain" รับประกันซะห้าปีสิบปีไปเลย

นั่นคือ ประกันห้าปีหรือหกหมื่นไมล์ตั้งแต่กันชนหน้าจรดกันชนท้าย และสิบปีหรือหนึ่งแสนไมล์หากระบบขับเคลื่อนพัง ลองดูสิว่าคนอเมริกันที่ใช้รถกันแค่สี่ห้าปีแล้วโละทิ้งจะยังไม่ไยดีฮุนไดอยู่อีกหรือเปล่า?

แต่ยันต์ศักดิ์สิทธิ์ก็พอทำให้ขายรถได้เครือ ๆ ไม่หวือหวาเท่าไร ชวนใจเหี่ยวเป็นที่สุด แต่ไม่หมดกำลังฮึดซะทีเดียว

ด้วยเหตุนั้น ฮุนไดอาจหันมาทบทวนรูปโฉมของตน ว่าบรรดาดีไซน์เนอร์ยุโรปที่ถูกจ้างมาให้ออกแบบรถของตัวอาจจะเป็น "มือปั้นรถชั้นสอง" เพราะรถที่ออก ๆ มาดูจะมีหน้าตาที่ตกยุคชาวบ้านไปสี่ห้าปี ทว่ารถที่เขาขาย ๆ กัน อายุรุ่นของรถมีอยู่แค่สี่ปี เปรียบไปก็เหมือนฮุนไดเอารถเก่ามาขาย จะทำอย่างไรกันดี?

ครั้นจะออกแบบรถให้ล้ำอนาคต หน้าตาสวย เครื่องแรง ชิ้นส่วนทนทาน ถูกใจชาวบ้านยันเสนาบดี และขายดิบขายได้เป็นเทน้ำเทท่า ก็ยากพอ ๆ เท่ากับโอกาสการถูกหวยล็อตเตอรีรัฐบาลไทย และคงจะใช้เงินมหาศาลยิ่งกว่าการซื้อสโมสรฟุตบอลอังกฤษสิบสโมสร

ไฉนเลย หากเราจะสู้กับเสือ ก็ขอ "ยกเค้า" เสือมันเสียให้สิ้นเรื่อง เพราะฉะนั้น ฮุนไดโซนาต้าที่จะออกมาฟัดกับแคมรีและแอคคอร์ดในปลายปี 2005 จึงถอดโครงออดี้เอ 6 มาใส่ไฟท้ายแอคคอร์ด และภายในแคมรีอย่างในภาพ ไม่นับที่ตามองไม่เห็นอีกพอท้วม ๆ

จากข้อมูลที่ cars.com ไปได้มาจากงานปารีส์มอเตอร์โชว์นั้นเครื่องเคราที่จะบรรจุลงกระโปรง เป็นเครื่องใหม่ 2.4 ลิตรสี่สูบที่ใช้ร่วมกับรถเครือไครสเลอร์และมิตซูบิชิ และรุ่นท็อปก็อัดเครื่อง 3 ลิตรหกสูบเข้าไป โดยฮุนไดลงทุนสร้างโรงงานไปกว่าพันล้านเหรียญสหรัฐเพื่องานนี้โดยเฉพาะ (หวังว่าเงินที่กู้มาคงไม่เป็นตัวอมโรค "ต้มยำกิมจิ" ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตนะ)

ทั้งหมดนี้ ก็เพื่อการ "แจ้งเกิด" อย่างเดียวโดยแท้

ผมเองก็เอาใจช่วย

และโปรดอย่าคิดว่าที่ผมเขียนข้างต้นทั้งหมด คือ การปรามาสบริษัทรถยนต์อย่าง "ฮอนเด" เป็นเด็ดขาด แต่ผมขอบอกไว้ว่าหากบางประเทศจะลองทำวัตถุเคลื่อนย้ายคนที่เรียกว่ารถโดยพะยี่ห้อของตัวเองบ้าง อาจจำเป็นต้องเรียนรู้อย่างฮุนได และอาจต้องทำอย่างฮุนได

เผลอ ๆ ในวันข้างหน้า ประเทศนั้นอาจจะต้อง "ยกเค้า" ฮุนไดก็เป็นได้ ใครจะรู้ "จอร์จ"

Sunday, September 26, 2004

กระบะตัวใหม่จากมิตซูบิชิ


Mitsubishi Raider รถที่จะออกขายปีหน้า (ข้อมูล thecarconnection.com) Posted by Hello

กระบะขนาดกลางตัวใหม่จากมิตซูบิชิ เริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้ว และปี 2005 จะออกวางตลาด

มิตซูเรเดอร์ (Raider - ชื่อยังกะทีมฟุตบอลเมืองโอคแลนด์) มีรากฐานมาจากด็อดจ์ดาโกต้า อันอยู่ในลีกเดียวกับโตโยต้าทาโคมา โดยกระบะตัวใหม่นี้จะมีเครื่อง 6 สูบเป็นหลัก และมี 8 สูบเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ไม่เคยพอ

มิตซูตั้งใจจะทำเรเดอร์ออกมาให้ต่างจากดาโกต้าของเครือไครสเลอร์ให้มากที่สุด หนึ่งในลูกเล่นก็เช่น ระบบเสียงพลัง 500 วัตต์ และบลูทูธ

รอดูกันต่อไปนะครับว่า จะมีอะไรกระทบมาถึงสตราดาหรือเปล่า

โตโยต้าพรีอุส ไฮบริดตัวป่วน


2004 Toyota Prius รถที่ใคร ๆ ก็อยากอวดให้คนอื่นเห็นว่าตัวเองใช้อยู่ Posted by Hello

ในยามนี้ แคมิรอน ดิแอซ, ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ รวมถึง ดาราฮอลลีวูดชื่อดังอีกหลายสิบคน หรือแม้กระทั่งหนุ่มพันล้านเหรียญอย่างผู้ก่อตั้งกูเกิล และบรรดาผู้มีชื่อเสียงอีกนับไม่ถ้วน มีสิ่งหนึ่งร่วมกัน คือ เป็นเจ้าของโตโยต้าพรีอุส รถไฮบริดตัวเจ็บที่กำลังป่วนโลกอยู่อย่างน่าทึ่ง

ก่อนหน้านี้นั้น ผู้ที่มีชื่อเสียงทั้งหลาย มักจะพากันเห่ออวดรถหรู รถแพง รถใหญ่ หรือรถหายากกัน

รถอย่างเล็กซัสแอลเอส 400, ลินคอล์นเนวิเกเตอร์ หรือฮัมเมอร์เอสยูวีคันยักษ์ ฯลฯ ก็เคยถูกแรงส่งจากผู้สร้างกระแสของสังคมเหล่านี้ ทำให้รถดัง และขายดีกันมาแล้ว

และอะไรหรือที่ทำให้บรรดาผู้มีรสนิยมวิไล เปลี่ยนใจจากรถแพง ๆ จอมเขมือบน้ำมัน มานั่งหลังพวงมาลัยเจ้าพรีอุส รถคันเล็ก ๆ ราคาแค่สองหมื่นเหรียญเศษ ๆ แต่วิ่งได้กว่าห้าสิบไมล์ต่อแกลลอน (หรือยี่สิบกว่ากิโลเมตรต่อลิตร) คันนี้

คำตอบอาจจะอยู่ที่ ความเท่

ซึ่งไม่มีคำอธิบาย

เท่เพราะได้ภาพลักษณ์เป็นคนรักต้นไม้ เป็นคนรักอากาศสะอาด
เท่เพราะดูเป็นคนรุ่นใหม่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
เท่เพราะมีรถที่คนอื่นไม่มี
เท่เพราะที่ขับรถไปก็ไม่รู้ว่ารถนั้นดับ หรือว่าติดเครื่องยนต์อยู่กันแน่
หรือว่าเท่เพราะได้เป็นเจ้าของรถที่ได้รางวัลมานับไม่ถ้วน เป็นต้นว่า รถยอดเยี่ยมแห่งอเมริกาเหนือ, รถสุดยอดแห่งปีของมอเตอร์เทรนด์ ฯลฯ

เป็นไปได้ทั้งนั้น แต่เมื่อเท่ แล้วมันก็ดังสิครับ

โตโยต้าพรีอุส ดังไม่ดังอย่างไร ก็ดูจากผู้ที่ต่อแถวจองรถก็แล้วกัน ในอเมริกานั้น บอกจองแล้วก็ต้องรออีกหกเดือนกว่าจะได้รถ เนื่องจากโตโยต้ามียอดต้องผลิตให้ทันยอดสั่งหลายหมื่นคัน โดยน่าสังเกตว่าขณะเดียวกันที่โชว์รูมไม่ใกล้ไม่ไกลฮอนด้าซีวิคไฮบริดยังจอดรอคนซื้ออยู่เงียบ ๆ ส่วนในเนเธอร์แลนด์นั้นต้องรอหนึ่งปี และบรรดาผู้ที่ซื้อ ๆ กันนี้ ถูกคนขายโก่งราคาขึ้นไปสูงกว่าราคาป้ายอีกหลายสตังค์

แม้กระทั่งกฎหมายของบ้านเมืองตอนนี้ก็ยังเอื้อให้พรีอุส อย่างเมื่อสองสามวันมานี้ ผู้ว่าอาร์โนลด์ ชวาซเนเกอร์ แห่งมลรัฐแคลิฟอร์เนีย ก็เพิ่งจรดปากกา ส่งเสริมการใช้รถไฮบริดไปสด ๆ ร้อน ๆ เล่นเอาชาวมะกันบางคนถึงกับออกมาตั้งชื่อกฎมลรัฐฉบับนี้ว่า "กฏญี่ปุ่น" เพราะในขณะนี้มีแต่รถญี่ปุ่นเท่านั้นที่จะได้ประโยชน์

เหตุที่เรียกว่าพรีอุสว่าไฮบริด ก็เพราะใช้ทั้งเบนซิน และไฟฟ้าเป็นปัจจัยขับเคลื่อน โดยใต้ฝากระโปรงพรีอุสมีเครื่องเบนซินจุ 1.5 ลิตร และแบตเตอรี่ไม่กี่ก้อน แต่ด้วยการออกแบบอย่างแยบยล ทำให้ใช้พลังไฟฟ้าที่ความเร็วช้า ๆ ต่อเมื่อเร็วได้ที่ จึงจะใช้เครื่องสันดาปไฮโดรคาร์บอน และระหว่างนั้น รวมทั้งตอนแตะเบรก คอมพิวเตอร์ตัวช่วยก็จะสั่งให้ประจุไฟฟ้ากลับคืน ทำให้เจ้าพรีอุสไม่ต้องเพิ่งปลั๊กไฟโดยสิ้นเชิง

ด้วยเทคนิคนี้ พรีอุสจึงเหมาะกับการเป็นรถคนเมืองอย่างยิ่ง

พรีอุสเปิดตัวมาเป็นครั้งแรกในปี 1997 ตอนนั้นคู่แข่งสำคัญคือ ฮอนด้าอินไซท์ (ซึ่งจริง ๆ แล้วบอกอัตราประหยัดน้ำมันได้มากกว่าพรีอุสเสียอีก) แต่ว่าความลงตัวในการขับ ที่นั่งมากกว่า ใหญ่กว่า กว้างขวางกว่า และการออกแบบได้ถูกใจคนซื้อนั้นพรีอุสทำได้ดี จึงส่งผลให้ขายกระฉูดไปทั่วโลก

เมื่อเกิดอาการฮิตป่วนโลกเช่นนี้ โตโยต้าก็เลยเร่งปั๊มเจ้าพรีอุสอย่างอุตลุด เปิดโรงงานทั้งในอเมริกา และยุโรปเป็นการใหญ่ เมื่อไม่นานมานี้ก็แว่วว่าจะไปตั้งโรงงานในเมืองจีนด้วย

ในปี 2005 โตโยต้าตั้งเป้ายอดรวมทั้งโลกของพรีอุสนั้น อยู่ที่หนึ่งแสนแปดหมื่นคัน

เห็นอะไรอยู่ข้างหน้า ราง ๆ หรือยังครับ

มีผู้วิเคราะห์ว่าโตโยต้าหันมาเอารถไฮบริดเป็นหมากเด่น ก็เพราะเทคโนโลยีเก๋งดีเซลของตัวนั้นยังตามหลังคู่แข่ง นั่นก็ใช่ส่วนหนึ่ง

แต่ที่ผมมองเห็นตอนนี้ก็คือ ในปี 2005 นอกจากพรีอุส หรือซีวิคไฮบริดแล้ว ตลาดรถที่ใช้ทั้งแบตเตอรี่และเครื่องยนต์ มีจ่อคิววางขายกันเพียบ เป็นต้นว่า โตโยต้าไฮแลนเดอร์ (คู่แฝดคลูเกอร์วี) ไฮบริด, เล็กซัส อาร์เอ็กซ์400เอช, ฮอนด้าแอคคอร์ดไฮบริด, ฟอร์ดเอสเคปไฮบริด (ที่ซื้อเทคโนโลยีจากโตโยต้า) ฯลฯ ไม่รวมโครงการที่กำลังขึ้นรูปขึ้นร่างอีกมากมายสารพัดยี่ห้อ

อาการฮิตไฮบริดแบบนี้ เห็นทีอนาคตของตลาดวัตถุเคลื่อนย้ายคนที่เรียกว่า รถ นั้นจะเบี่ยงจากเส้นทางเดิม

และ อาจทำให้คนที่เล็งจะเอาเก๋งดีเซลมาใช้ในอนาคต อาจจะต้องมองข้ามช็อตไปยังรถเบนซินพ่วงแบตเตอรี่เสียแล้ว

- ข้อมูล bloomberg.com, toyota.com, worldhistory.com, hybridcars.com