Friday, September 24, 2004

276 คนที่ได้รถฟรี บุญมีแต่กรรมบัง


pontiacG6 ที่นำโชคและทุกข์มาให้คน 276 คน (เรื่อง cnn.com ภาพ pontiac.com) Posted by Hello

ได้ข่าวคนได้รถฟรีอยู่บ้างใช่ไหมครับ

ผมเองก็ได้รู้จากเวบ แล้วตกค่ำวันเดียวกันก็ได้ดูสะเก็ดข่าวของช่องเจ็ดที่คุณพิษณุตัดเอาบางตอนของรายการโอปราห์ ของโอปราห์ วินฟรีย์มาออกด้วย

วันนั้นได้เห็นคนที่เขียนจดหมายเล่าความทุกข์ยากที่ต้องการรถ ทำนองเดียวกันกับเด็กบ้านเราเขียนเรื่องขอทุนหวยรัฐบาล เข้าไปอยู่เต็มห้องส่งของโอปราห์ เมื่อถึงเวลาทางรายการประกาศว่าคนที่เขียนเรื่องได้น่าเห็นใจที่สุดจะได้รางวัล แล้วก็เรียกคนเจ็ดคนไปหน้าเวที เพื่อมอบกุญแจให้

วันนั้นยังได้เห็นลีลาที่ทำให้ผู้ชมติดใจรายการของโอปราห์ ผู้ดำเนินรายการที่ไต่เต้ามาจากคนจน กระทั่งเป็นนักจัดรายการบันเทิงที่ติดอันดับรวยที่สุดคนหนึ่งของสหรัฐ คือ มีเจ้าหน้าที่เอากล่องสีชมพูกล่องเล็ก ๆ ผูกโบว์อย่างดี ไปแจกให้ผู้ร่วมรายการทั้งห้องส่ง คนละกล่อง โดยบอกว่าจะหาผู้โชคดีอีกหนึ่งคนจากการสุ่ม

แล้วก็นับหนึ่ง สอง สาม เพื่อให้สัญญาณแกะห่อ พอสิ้นสุดเสียงนับ ผู้คนก็แกะกล่องของขวัญกันใหญ่ และก็ต้องตะลึงกันไปทั้งหมดเพราะทุกคนเจอกุญแจในกล่องของตัวเองทั้งสองร้อยกว่าคน ครบทุกคนที่เหลือ

ในทันที เสียงวีดว้าย คำอุทานร้องดีใจ ก้องไปทั่วห้องส่งและทั่วโลก

งานนี้จีเอ็มผู้ให้รถแก่ทางรายการไปแจกฟรี ก็นั่งยิ้ม เพราะปอนเตี๊ยกจี 6 ที่จะออกในปี 2005 นั้น ดังกระหึ่มทันตา

แต่คล้อยหลังไม่กี่วัน บรรดาสื่อมวลชนเมื่องฝรั่งก็แห่กันตีข่าวเรื่องนี้ไปอีกทาง เพราะบรรดาคนยากไร้ที่ได้รับรถ มารู้ว่าตัวเองจะต้องจ่ายเงินถึงประมาณ 7,000 เหรียญ ซึ่งสำหรับบางคนก็เป็นเงินไม่ใช่น้อย ๆ เพื่อเป็นค่าภาษีของรถมูลค่า 28,500 เหรียญที่ตัวเองได้รางวัลมา

งานนี้เล่นเอาผู้ที่ถูกรางวัลส่วนหนึ่งต้องปวดหัวมึนกบาล เนื่องจากเหตุที่ได้รับรถก็เพราะตัวเองมีเงินน้อยนี่แหละ

ปวดกบาลแรก ก็คือต้องหาเงินหาทองมาจ่ายค่าต๋งของสรรพากรที่ว่าไว้ข้างต้น ปวดกบาลสอง ก็เพราะว่า รายได้ของตัวเองปีนี้จะมากเกินเกณฑ์ภาษี (tax bracket) ปรกติของตัวเอง ทำให้ต้องจ่ายภาษีรายปีในอัตราที่สูงกว่าเดิมอีก

ส่วนทางจีเอ็มก็อาจจะยิ้มเจื่อน ๆ เพราะรถตัวเองอาจจะดัง แต่คนกลับไม่ชอบ ดังเช่น ที่ Fool.com เล่าถึงทางอเมริกาออนไลน์ว่าได้ทำแบบสำรวจคน 200,000 คน ว่าถ้ามีคนให้เจ้าปอนเตี๊ยกจี 6 แล้วจะเอาไปทำอะไร คน 40% จากทั้งหมดบอกว่าจะจ่ายภาษี แล้วก็เอารถมาใช้ ขณะที่ประมาณ 51% เลือกที่จะรับรถมา แล้วก็ขายไปซะ

เฮ้อ ถ้าไม่อยากได้ก็โยนมาให้คนทางนี้ก็ได้นะ จ่ายเจ็ดพันเพื่อรถราคาเกือบสามหมื่น ใครหนอจะไม่เอา

( - ถ้าใครอยู่ใกล้บรรดาฮีโร่โอลิมปิค ซึ่งก็เป็นหนึ่งในกลุ่มที่ได้รถฟรี เงินฟรีเช่นกัน อย่าลืมบอกเขาว่า อย่ารับแต่บุญเด้อ กรรมมันก็มาด้วย มากับสรรพากรนี่แหละ)

เก๋งดีเซล "มาสด้า 6" ไดเร็กอินเจ็กชั่น เทอร์โบชาร์จ 2.3 ลิตร 260ม้า 0-100 กม/ชม ใน 6.6 วินาที


Mazda6MPS (ข้อมูลและภาพจากเวบที่ผู้ชมชอบมาสด้าไม่ควรพลาด คือ triplezoom.com โดยเฉพาะส่วนของแกลเลอรีนั้นงามมาก) Posted by Hello

ถึงทีของมาสด้าแล้วครับท่าน ครานี้ ซูม ซูม ซูม ของแท้

ที่ปารีส์ มอเตอร์โชว์ มาสด้าเบิกตัวมาสด้า 6 เอ็มพีเอส ที่ยังเป็นซีดานสี่ประตู เฉกเช่นมาสด้า 6 ตัวมาตรฐาน ซึ่งภายนอกก็แจ่ม ภายในก็จ๊าบ แต่ว่ามาคราวนี้พกม้ามาด้วย 260 ตัว และที่สำคัญเป็นเครื่องดีเซล 2.3 ลิตร ไดเร็กอินเจ็กชันผนวกกับเทอร์โบชาร์จ

เมื่อเติมการแต่งหน้าทาปากสไตล์มาสด้าสปีดเข้าไปหน่อย เช่น ท่อไอเสียคู่ บวกกับขนาดล้อและยางที่สมกับความเป็นสปอร์ต มาสด้า 6 เอ็มพีเอสตัวนี้ทำเอาผู้ได้พบเห็นตาลุกกันเป็นแถว

ไม่เท่านั้น เจ้านี่มีเกียร์แมนวล 6 ระดับ และ อะแฮ่ม .... ขับเคลื่อนสี่ล้อครับท่าน (ซูบารุ เลกาซี จีที มีเพื่อน !!!)

คาดหวังได้เลยว่า แบบฉบับซูม ซูม ซูม นั้นต้องครบเครื่อง - ขับนิ่ง สาดโค้งหนึบ ปราดเปรียวเมื่อเร่ง หยุดกึกเมื่อยั้ง

ดูเสปคย่อ ๆ นะครับ

- Max. output 191 kW (260PS) @ 5,500 rpm (EU spec)
- Max. torque 380 N?m (38.7kg?m) @ 3,000 rpm (EU spec)
- Acceleration from 0-100 km/h: 6.6 seconds (Under Mazda test conditions)
- Acceleration from 80-120 km/h: 5.3 seconds (Under Mazda test conditions)
- Top speed of 240km/h
- Meets with Euro Stage IV emissions regulations


ครับ ใครสนก็จงเริ่มเก็บสตังค์ไว้ได้ ปีหน้าจะออกขาย ในชื่อ มาสด้าสปีด 6 ในอเมริกาเหนือ มาสด้า 6 เอ็มพีเอสในยุโรป และมาสด้าเอ็ทเท็นซาในญี่ปุ่น ราคาที่รั่วมานั้นอยู่ราว ๆ สามหมื่นเหรียญสหรัฐ

ส่วนบ้านเราจะมาไหม ให้ลองยกหูไปถามมาสด้าประเทศไทยดูนะครับ เพราะมาสด้า 6 นั้นถูกปล่อยออกตลาดโลกมาตั้งแต่ปี 2002 กวาดรางวัลไปแล้วกว่า 80 ใบทั่วโลก แต่ยังไม่มีโอกาสแปะทะเบียนขาวดำของกรมการขนส่งทางบกประเทศไทย แสดงว่าสอบไม่ผ่านหรือเปล่านี่

อ้อ โทรไปอาจไม่มีคนรับนะครับ เพราะเขาหลับอยู่

Thursday, September 23, 2004

นิสสันฟรอนเทียร์ ปี 2005 บ้านเขา/บ้านเรา


2005 Nissan Frontier (ภาพจาก edmunds.com)


ขณะที่ผู้ขายวัตถุเคลื่อนย้ายคนในตลาดรถกระบะบ้านเรากำลังห้ำหั่นกันอย่างดุเดือด โดยคู่เอกนั้นโตโยต้าก็ใส่เดิมพันเต็มที่กับวีโก้ ส่วนอีซูซุก็คำราม (พร้อมกลืนคำพูดบางคำ) กับเครื่องคอมมอนเรลใหม่ ส่วนพระรองทั้งหลายก็ไม่น้อยหน้า เช่น ฟอร์ด/มาสด้าก็โฆษณาออกทีวีถี่ยิบ เพื่อชวนชาวประชาไปดูรถโฉมใหม่ (ดูแล้วก็เกาหัวแกรกว่า ใหม่ยังไงละเนี่ย) และทางด้านมิตซูบิชิก็ระดมลดแหลกแจกแถมกันเต็มคราบ

ที่ดูเหมือนเงียบ ก็เห็นจะเป็นเจ้าเดียวคือ นิสสัน ซึ่งหลังจากยกเครื่องทีมบริหาร ปรับเปลี่ยนผู้ดำเนินการบริษัทไป ก็ดูเหมือนจะสนุกกับการขายรถนั่งเทียน่า เสียอย่างเดียว ซะอย่างนั้น

อย่างไรก็ดี น่าจะคาดเดาได้ไม่ยาก ว่าอีกไม่กี่กระพริบตา ฟรอนเทียร์ตัวใหม่น่าจะมา ในระหว่างรอชมตัวที่จะเข้าตลาดบ้านเรา ก็เลยเอาฟรอนเทียร์ ปี 2005 บ้านเขามาฝาก ซึ่งที่จริงแล้วก็มีเพื่อน ๆ ผู้ใจดี นำโฉมมาอวดในเวบบอร์ดหลายแห่งบ้านเรามาพักหนึ่งแล้ว แต่ว่าที่หันมาชวนดูอีกครั้งก็เพราะ ในตลาดอเมริกานั้นจะวางขายในไม่กี่เดือน ก่อนปีใหม่

โดยข้อมูลนั้นแจ้งว่าเจ้าฟรอนต์เทียร์ตัวใหม่ หันไปใช้รากฐานร่วมกับเจ้าไททันตัวใหญ่ที่กำลังเขย่าตลาดเมืองคาวบอยอย่างครึกครื้นในเพลานี้

ลุงเดล แห่ง trucks.about.com บอกว่า เจ้าฟรอนเทียร์ใหม่นั้น ตัวใหญ่กว่า เครื่องแรงกว่า (เห็นเป็นอย่างนี้ทุกยี่ห้อที่ปล่อยของใหม่ออกตลาด) และใช้ช่วงล่างร่วมกับไททัน ใช้เฟรมเหล็กกล้าที่มีแม่แบบเดียวกัน (เขาทำกันอย่างไงนี่ ไททันตัวเท่าตึก ใช้ชิ้นส่วนร่วมกับฟรอนเทียร์) เครื่องที่ว่าแรงกว่านั้นคือ มีเครื่องใหม่ 4.0 ลิตร DOHC, 24-valve V6 ให้กำลังขา 265 แรงม้า และกำลังลาก 284 lb-ft ซึ่งคุยว่าเหนือกว่าใครในชั้น

หากผู้ใดอยากชมสัดส่วนซ้ายขวาหน้าหลัง ก็แวะไปที่ห้องแสดงภาพของเอ็ดมุนด์สได้ครับ

ส่วนในตลาดบ้านเรา จะออกหวยมาเช่นไร ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาหรือเครื่องเครา ก็คงต้องร้องคาราโอเกะรอต่อไป

โตโยต้าทำรถนั่ง D-4D 180


Toyota D-4D 180 (ที่มา และข้อมูล autoindex.org)Posted by Hello

เมื่อวานนี้โตโยต้าแจ้งข่าวมาว่า จะเอารถต้นแบบที่ชื่อ D-4D 180 Clean Power ไปแสดงที่งาน "ปารีส์ มอเตอร์โชว์" นัยว่าจะอวดถึงความสะอาดของไอเสียและความแรงกว่าใครในบรรดาเครื่องดีเซลกลุ่มที่มีกระบอกจุในช่วง 1.9-2.2 ลิตร โดยเครื่องของพี่ต้านี้มีแรงกวดอยู่ 180 DIN hp (130kW)

ในปีหน้า คือ 2005 วัตถุเคลื่อนย้ายคนคันนี้จึงจะถูกผลิตเอามาวางขายให้ชาวบ้านได้ซื้อไปขับกัน

นอกจากเครื่องยนต์ที่ออกมาข่มชาวบ้านแล้ว กระดองที่เจ้า D-4D 180 ใส่มาในรูปของรถยนต์นั่งก็น่าดูชมไม่ใช่เล่น ทว่าดูไปแล้วบางเส้นสายก็ละม้ายกับออดี้เอ 6 อยู่บ้าง และถ้าหรี่ตาดูก็อาจเห็นเป็นสโกดาออคตาเวียได้เหมือนกัน

เชิญทัศนาและวิจารณ์กันได้ตามสบายครับ

Wednesday, September 22, 2004

น้ามมมมันนนน ทูกกกกกกกก ของจริง ; 687 กิโลเมตรต่อลิตร


หน้าตาเจ้าซูเปอร์อีเกิล วัตถุเคลื่อนย้ายคนที่ไม่ค่อยเจริญอาหาร และผู้สร้าง Posted by Hello

ฮ้า....... น้ามมันนนน ทูกกกกกกกก

คงไม่ต้องอาศัยดีกรีดอกเตอร์ ถึงจะตากลับเห็นของราคาสูงเป็นราคาต่ำเหมือนในโฆษณายาง เพราะเจ้าเชษฐ์เด็กข้างบ้านผมเรียนแค่ประถมหนึ่งยังรู้ว่า น้ำมันนั้นแพง

แต่มีเด็กหัวดีกลุ่มหนึ่งที่มหาวิทยาลัยคาลเสตท แห่งเมืองแอลเอ สร้างรถที่วิ่งได้ 1615 ไมล์ต่อแกลลอน หรือ 687 กิโลเมตรต่อลิตร

ได้ยินคำโปรเฟสเซอร์ของเด็ก ๆ บอกว่า เจ้าวัตถุไม่เจริญอาหารคันนี้พาคนไปลาสเวกัสจากแอลเอด้วยน้ำมันแค่ 12 บาท หรือถ้าหันหัวไปซาคราเมนโตก็แค่ 22 บาท แล้วมีใครอยากจะหามาไว้สักคันไหม

นี่เป็นแค่อันดับสองของโลก อันดับหนึ่งอยู่ไหน ลองไปตามหากันดูนะครับ

*********

ตั้งแต่ย่อหน้านี้ เป็นการเพิ่มเติมข้อมูลนะครับ เพราะพอแปะไปปั๊บ คุณวันสุดท้ายของชีวิต (หกขาสองหางสี่ปีก) สมาชิกผู้ใจดีชาวรัชดา ก็กรุณาแจ้งให้ทราบว่า ที่เมืองไทยเรานั้นก็ทำได้มากกว่านั้นเยอะ โดยตามไปดูได้ที่ http://www.hondaecono.com/?page=gochamp และคุณหกขาฯ ยังใบ้ไว้ว่ามีชาวอาทิตย์อุทัยทำสถิติไว้สูงกว่านั้นอีก - ก็แจ้งให้ทราบ และขอบคุณมา ณ ที่นี้

สาวกออดี้ ขาใหญ่รายที่สอง ตัวจริง อยู่นี่


www.fourtitude.com Posted by Hello

สาวกออดี้ขาใหญ่รายที่สองที่ผมรู้จักนั้น โดดเด่นไม่แพ้ขาแรก (audiworld.com) คือ พลพรรคแห่งเวบ fourtitude.com โดยเฉพาะรูปในแกลเลอรีนี้งามนักแล ในเวบไม่เพียงแต่รวมข่าว รวมข้อมูลเฉพาะของออดี้แต่ยังรวมถึงรถในเครือโฟล์กสวาเก้น - ออโต้ยูเนียน อีกหลายตระกูล คือ ออดี้ แลมเบอร์กินี เซียท และอื่น ๆ

พูดถึงออดี้ แล้วก็นึกถึงช่วงที่ตกอับของรถตราสี่ห่วง วันหนึ่งนานมาแล้ว ในเมืองคาวบอย มีคนขับรถออดี้ไปติดกึกอยู่กลางสี่แยก จะไปไหนรถก็ไม่ยอมไปด้วย ทำให้โดนชนตามระเบียบ และผลจากการชน ผู้ที่โดนหนักที่สุดก็คือออดี้ เพราะความผิดอยู่ที่ตัวรถ ทำให้ต้องถอนตัวออกจากตลาดมะกัน และเสียภาพพจน์ เสียเงิน เสียทองไปหลาย จนหลายปีต่อมาได้รถตระกูล เอ โดยเฉพาะเอ 4 มาปลุกชีวิต ซึ่งพอถูกปล่อยออกมาครั้งแรกก็ฮิตเลย เพราะลงตัวทั้งภายใน ภายนอก หลังจากนั้นชีวิตของออดี้ก็มีแต่ขาขึ้น

ในขณะนั้น ออดี้เด่นที่ระบบขับสี่แบบควอตโตร เพราะไม่ค่อยมีใครทำรถเก๋งขับสี่กันนัก นอกจากซูบารุอีกเจ้า แต่ก็เป็นคนละตลาด

ตอนหลังแม้จะถูกโฟล์กสวาเก้นกวาดรวมเข้าไปอยู่ในเครือเดียว แต่แทนที่จะถูกกลืน ดูเหมือนกว่าความเป็นออดี้จะแทรกซึมเข้าไปมีอิทธิพลในรถตระกูลอื่น ๆ ในเครือแทบทุกคัน

ดังจะเห็นได้จาก เมื่อหลายปีก่อน รถที่ "สร้าง" ออดี้อีกคันถูกปล่อยออกมา คือ ออดี้ทีที ซึ่งในทันทีที่ชาวโลกได้เห็น ไม่ว่าใครก็ทึ่ง ต่างซูฮกให้กับความงามและความลงตัวกันหมด ทำให้รถรุ่นต่อมาในเครือ พากันเดินตามเส้นโค้งของหลังคาเจ้าทีทีกันยกใหญ่ ที่เห็นชัด ๆ ก็คือ ในเอ 4 ในพัสสาท ในบีทเทิลใหม่ (ซึ่งใช้รากฐานเดียวกับทีที)

อิทธิพลของทีทีไม่เพียงแต่อยู่ในตระกูลเดียวกัน แต่เลเพเลพาดไปถึงรถตระกูลนิสสัน และไดฮัทสุบางตัว สังเกตดูเส้นโค้งของหลังคาก็แล้วกัน ว่าเป็นคันไหนบ้าง

พร้อม ๆ กันนั้นเทคนิคการตกแต่งภายในห้องโดยสารโดยใช้อลูมิเนียมที่คล้ายคลึงกับทีที ก็ฮิตขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

มาถึงปีนี้ ออดี้ถูกจับตาว่าจะเปลี่ยนโฉม ปรับปรุงรถที่ลงตัวไปในทางไหน คำตอบที่เห็นชัดที่สุดก็คือ เจ้ากระจังหน้าอันเบ้อเริ่มที่ลากลงมาชนเส้นขอบล่างของกันชนเลยทีเดียว และรถในเครือก็เริ่มเดินตามรอยกันบ้างแล้ว

ก็ดูกันต่อไปครับ ว่ากระจังสี่เหลี่ยมขอบมนที่ว่านี้ จะพาโชคมาให้ออดี้หรือไม่


สาวกออดี้ ขาใหญ่รายแรก ตัวจริง อยู่นี่


www.audiworld.com Posted by Hello

หนึ่งในสาวกออดี้ที่ผมรู้จัก และผมยกให้เป็นขาใหญ่ตัวจริง คือ ผู้คนที่ audiworld.com ถ้าจะไม่ให้เรียกผู้คนเหล่านี้ว่าสาวกก็ไม่รู้จะขนานนามพี่ท่านทั้งหลายว่ากระไร เพราะนอกจากเสียเงินซื้อรถเขามาใช้แล้ว ก็ยังทำเวบไซต์ให้อย่างงดงาม แถมข้อมูลแน่นปึ้กอีกต่างหาก ว่าง ๆ ก็เอารถตัวเองไปแต่งโน่นแต่งนี่มาอวดกัน ลงทุนแม้กระทั่งไปงานมอเตอร์โชว์ในยุโรปเพื่อเอารูปมาฝากเพื่อน ๆ

เมื่อหลายปีที่แล้ว ผมเองได้รู้จักเวบนี้ก็เพราะว่า ชีพจรลงเมาส์ เที่ยวคลิกหารูปรถออดี้มาประดับหน้าจอคอมพิวเตอร์ เพราะถือคติว่า ไม่ได้เป็นเจ้าของก็ขอให้ได้มอง หากผู้ใดมีใจรักภาพรถแบบผม ก็เล็งเมนูแกลเลอรีให้ดีนะครับ รูปงาม ๆ ทั้งนั้น

ผมหันมาสนใจออดี้ในเวลาที่คล้อยหลังการตามอ่านนิตยสารรถในเวลาไม่นานนัก เพราะสังเกตเห็นอยู่เสมอว่า ออดี้แทบจะทุกอนุกรมนั้นเป็นขวัญใจของคอลัมนิสต์ผู้วิจารณ์รถไปทั่วโลก ส่วนใหญ่มักจะจี้ท้าย หายใจชนบั้นท้ายรถที่เป็นแชมป์ในใจนักทดสอบ คือ บีเอ็มดับเบิลยูทั้งหลายอยู่ประจำ บางครั้งบางที่ก็แซงเอาที่หนึ่งในใจคนมาได้เช่นกัน โดยเฉพาะออดี้อนุกรมเอสทั้งหลาย

ออดี้เป็นรถที่คนไม่มีเงินซื้ออยากได้มาครอบครอง แต่คนที่รวยสตังค์มักมองข้ามไป จึงไม่เห็นวิ่งบนท้องถนนมากนักไม่ว่าที่ไหน

ล้อจงหมุนต่อไปครับ

4 เอสยูวีหรู ถูกจับพิสูจน์ความติดดินในหุบเขามรณะ


รถหรูทั้งสี่คัน แพง ๆ ทั้งนั้น เอามาลุยจะไหวเรอะ (ภาพ, ข้อมูล จาก : motortrend.com) Posted by Hello

ว่ากันว่าน้อยคนนักที่ควักกระเป๋าถอยรถเอสยูวีพันธุ์หรูมาไว้ประดับโรงรถ จะควบรถผู้ดีตีนติดดินนี่เข้าไปลุยป่าลุยดงจริง ๆ เห็นจะมีแต่คนขับที่ไม่ได้ซื้อรถมาเอง อย่างนักทดสอบรถของนิตยสารมอเตอร์เทรนด์นี่กระมัง ที่ทำเป็นประจำ (พี่ท่านเคยเอารถมาทดสอบทีละยี่สิบสามสิบคันพร้อม ๆ กันก็ยังเคย)

รถที่โดนจับมาทรมานในครานี้ได้แก่ เล็กซัสแอลเอ็กซ์ 470 (ค่าตัว $70,087) ลินคอล์นนาวิเกเตอร์ ($63,095) แลนด์โรเวอร์เรนจ์โรเวอร์ เอชเอสอี ($74,250) และ อินฟินิตี้ คิวเอกซ์56 ($54,980) ถ้าใครขยันอ่านเรื่องราวทั้งสิบกว่าหน้าเวบ ซึ่งก็มันส์ทั้งเรื่อง และดุดันทั้งภาพ ก็จะสรุปได้ไม่ยาก ว่านี่คือการทดสอบของจริง

ผลสรุปที่ได้นะครับ รถแลนด์ที่อดีตเป็นขวัญใจป่าไม้ และข้าราชการภูธร ที่บัดนี้ถูกปั้นสร้างโดยบีเอ็มดับเบิลยูอย่างเต็มรูปแบบเป็นฝ่ายเข้าวิน ส่วนรถจากค่ายโตโยต้าอันถอดนามจากแลนด์ครูสเซอร์ ที่เป็นขวัญใจสื่อมวลชนอเมริกันตลอดมา เพราะเป็นบรรทัดฐานไปแล้วว่าใครจะหรูจริง ลุยได้จริง ต้องทำให้ได้เกินหน้าพี่ต้าก่อน ก็มาเป็นอันดับสอง ส่วนลินคอล์นนาวิเกเตอร์ ปรับโฉมใหม่มาไม่นาน ได้แรงเพิ่ม ได้ตีนตุ๊กแกสี่คูณสี่ที่ดีกว่าเดิม ตามมาเป็นที่สาม ส่วนจากค่ายนิสสัน ในชื่อเจ้าอนันต์ คิวเอ็กซ์56 นั้น ตกท้ายกลุ่มแม้จะมีแรงมาก แต่ว่าควบแล้วไม่เนียน

ส่วนผลที่ผมพูดเอง และยังไม่มีข้อสรุป คือ ใครหนอจะซื้อเอาวัตถุแพง ๆ แบบนี้ไปลุยอย่างเป็นล่ำเป็นสันสมสมรรถนะบ้าง

รถกระบะที่ขายดีที่สุดในโลก

แชมป์ปิคอัพขายดีที่สุดตัวจริงของโลก คือ ฟอร์ดตระกูลเอฟ ดูจากยอดครึ่งปีของบทความใน msnbc ก็พอจะเดาออกว่าในปี 2004 นี้ปีเดียว พี่น้องอนุกรมเอฟคงออกกวดไล่กันบนท้องถนนบนดินแดนคาวบอยไม่น้อยกว่าแปดแสนคัน ทิ้งห่างคู่แข่งคือเชฟวีซิลเวอราโดเป็นแสนคันทีเดียว ดูแล้วเหมือนคนปั้นตัวเลขกันเล่น ทำไมมันขายดีเสียอย่างนั้น


ฟอร์ดเอฟ 150 ตัวปัจจุบัน หนึ่งในกระบะตระกูลเอฟ สายพันธุ์ที่ขายได้มากที่สุดในโลก 22 ปีติดต่อกัน (ภาพ, ข้อมูล จาก msnbc.msn.com)

แต่ถ้าคุณหายตัวไปโผล่กลางประเทศสหรัฐอเมริกาที่ผู้นำจอมบ้าอำนาจได้ละก็ จะถึงบางอ้อได้ไม่ยาก เพราะหากได้เดินเล่นตามลานจอดรถหน้าห้างดังอย่างวอลมาร์ต ทาร์เก็ต เจซีเพ็นนี หรือเซียร์ ก็จะเห็นรถกระบะหกสูบ แปดสูบเรียงรายเต็มไปหมด เครื่องเบ็นซินทั้งนั้น ใช้ขับไปโรงนาก็ดี ขับไปโรงเหล้าก็แจ่ม ขับไปเชียร์บอลก็เปิดท้ายปิคนิค - เทลเกตปาร์ตี้ได้สบาย วันไหนมีคอนเสิร์ตเพลงคันทรีก็พากันลากบ้านลากเรือไปนอนดูเสียเลย นั่นแหละมันถึงขายดี

เจ้ากระบะเมืองมะกันนั้นนอกจะสนองตอบชีวิตคาวบอยได้ดีแล้ว ก็สนองตอบอัตตาพี่ท่านได้ด้วย เพราะอเมริกันชนนั้นชอบเหลือเกินอะไรที่มันยักษ์ ๆ ใหญ่ ๆ ขอให้เครื่องหลายสูบเข้าไว้ แรงม้าเยอะ ๆ แรงลากมาก ๆ เป็นอันใช้ได้ ชีวิตนี้มีไว้อวด เพราะพี่ท่านก็ใช้กระบะเหมือนคนแถว ๆ นี้ คือ ไม่ค่อยจะได้บรรทุกอะไรหรอก

พูดถึงกระบะที่อเมริกาแล้ว การไม่พูดถึงกระบะหนึ่งตันอย่างวีโก้ หรือดีแมกซ์ ในตลาดบ้านเราก็ไม่มีใครถือสาอะไรเป็นแน่ เพราะบ้านเขามีรถกระบะเล็ก ๆ อย่างบ้านเราขายอยู่เหมือนกัน แต่ขายได้น้อยมาก ชนิดที่เห็นเมื่อใดเป็นต้องเหลียวหลัง ว่ามันโผล่มาจากไหน เหมือนคนหลงถิ่นยังไงอย่างนั้น หากจอดเทียบกันดูไปแล้วก็เหมือนมาสด้าแฟมิเลียจอดเทียบกับวีโก้เช่นนั้นแล

ส่วนฟอร์ดเรนเจอร์หรือ เอ มันวิ่งอยู่ที่ซอกไหนของอเมริกานะ ... (มีแต่น้อยครับ)


กระบะต้องอเมริกัน ทว่าซีดานคือญี่ปุ่น

ดูสถิตินี้แล้ว รู้สึกหมั่นไส้ หรือรู้สึกอิจฉาคนอเมริกันไหมครับ ไม่ว่าจะหมั่นไส้ที่เขาพากันถลุงน้ำมันของโลกอย่างบันเทิง หรือว่าจะอิจฉาผู้ถือหุ้นบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งหลาย ที่ผลิตเครื่องมือเคลื่อนย้ายคนที่เรียกว่ารถ มาให้ใครต่อใครซื้อ และก็ขายดีเสียเหลือเกิน ก็เลือกเอาตามสะดวก


วัตถุเคลื่อนย้ายคนที่ขายดีที่สุด 20 อันดับแรกในตลาดสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่มกราคมถึงสิงหาคม - หลังคอลัมน์จากชื่อรุ่น เป็นยอดปี 2004 ถัดไปเป็นยอดปี 2003 ในช่วงเวลาเดียวกัน (ที่มา :thecarconnection.com ไปเอามาจากรอยเตอร์อีกที)

พฤติกรรมการควักกระเป๋าตัดใจเลือกรถกระบะของชาวมะกันนั้นยังชาตินิยมอยู่มาก คือเป็นของ ค่ายใหญ่ผู้ผลิตวัตถุเคลื่อนย้ายคนของอเมริกันทั้งสาม คือ จีเอ็ม, ฟอร์ด และไครสเลอร์ เสียทั้งสิ้น ฟอร์ดสายพันธุ์เอฟนั้นขายดีต่อเนื่องกันกว่า 22 ปีทีเดียว ปีนี้แค่ครึ่งปีก็ตีห่างจาก จีเอ็มที่ใช้ชื่อเชฟวีซิลเวอราโดอยู่เกือบแสนห้าหมื่นคัน

เรื่องของรถที่มีท้ายเปิดไว้บรรทุกนั้นแม้ค่ายญี่ปุ่นเริ่มปรับกลยุทธ์ จ้องสั่นบรรลังค์แชมป์ ด้วยการทำกระบะใหญ่ขึ้น ยัดเครื่องแปดสูบเข้าไป อย่างนิสสันไททัน หรือโตโยต้าทันดรา ก็ไม่ถึงกับทำให้ยักษ์มะกันทั้งสามกระเทือน แม้อาจจะอยู่ไม่สุขอยู่บ้าง

ส่วนถ้าจะเลือกรถยนต์นั่ง ลองกวาดตาดูรายการนะครับ ญี่ปุ่นเอาไปกินเรียบ โดยเฉพาะรถขนาดครอบครัวที่คนส่วนมากขับ ก็เป็นแคมรีตามด้วยแอคคอร์ด เป็นเช่นนี้มาหลายปี ส่วนรถขนาดเล็ก ซีวิคและโคโรลาก็เบียดกันติด ๆ

ทางด้านรถอเนกประสงค์นั้นกระจายกันไปตอนล่าง ๆ ชาร์ต โดยอาจจะเป็นเพราะมีตัวเลือกมาก หรืออาจเพราะส่วนใหญ่ไม่ใช่รถคันแรกของครอบครัวก็ได้ ซึ่งรถพ่อบ้านลากเรือไปถือเบ็ด (รถขับสี่) ยังพอขายได้ แม้ว่าผู้สันทัดกรณีทำนายว่าจะมีแต่ร่วง ส่วนรถแม่บ้านส่งลูกไปเล่นฟุตบอล (รถตู้) นั้นมีแทรกมาเจ้าเดียวคือ ดอด์จ คาราวาน

ในยี่สิบอันดับนี่ ถ้าแจงเป็นค่าย ได้ความว่า ฟอร์ดเอาไปหกอันดับ เท่ากับจีเอ็ม ส่วนไครสเลอร์ได้มาสาม ฮอนด้าและโตโยต้าได้ไปฝ่ายละสอง นิสสันได้อัลติมามาช่วยได้ไปหนึ่งอันดับ

ครับอเมริกันชนที่สำมะโนประชากรไว้ว่ามีเกือบสามร้อยล้านคน ซึ่งชำแหละได้ว่ามีวัยที่มีกำลังซื้อรถอยู่ประมาณสองร้อยล้านคน ในครึ่งปีแรกเขาก็ซื้อรถกันอย่างที่เห็น

ล้อจงหมุนเข้าไว้

ยินดีต้อนรับ สู่ "วงเล่า"-วัตถุเคลื่อนย้ายคนที่เรียกว่ารถ

ที่มาของการจะเริ่มนั่งเขียนบล็อก นับแต่นี้ไปนั้น ไม่มีอะไรพิศดาร

มิติหนึ่งในหลายอย่างของตัวเอง ผมจัดอยู่ในประเภทคนชอบรถ ซึ่งแจกแจงได้ว่า ผมชอบดูรถ ชอบสัมผัสรถ ชอบลองรถ ชอบยุคนให้ซื้อรถ และชอบคุยเรื่องรถ

ผมชอบเรื่องใดก็มักจะตามอ่านเรื่องนั้น และก็ตามกวาดตาดูเรื่องรถอยู่ประจำ เหตุของมันนั้นเว้ากันง่าย ๆ ก็คือ เพราะมันเพลินดี

เพลินเพราะได้เห็นคนเอาเงิน เอางาน เอาหัวคิดมูลค่ามหาศาล ทุ่มกันลงไปเพื่อจะสร้างวัตถุเคลื่อนย้ายคน
เพลินเพราะได้ลุ้นว่า ค่ายโน้น ก๊กนี้ จะปล่อยทีเด็ดออกมา หน้าตา ทรวดทรง กำลังวิ่งเป็นอย่างไร
เพลินเพราะได้คาดเดาถึง คำตอบต่อโจทย์ที่ว่าจะผลิตรถให้ถูกใจคน ให้ขายได้ และให้มีกำไรด้วยนั้นจะออกมาแบบไหน

เพลินแล้วก็สนุกดี

จะสนุกคนเดียวก็กระไรอยู่ ก็มาชวนกันเพลินดีกว่า

ขอให้ล้อจงหมุนเข้าไว้
SundayMorning