Thursday, November 25, 2004

โตโยต้าทำรถดีและขายถูกกว่ารถเกาหลี


Scion TC ที่สำนักแต่ง FiveAxis นำไปอวดที่ลาสเวกัส

เห็นข่าวนี้มาพักหนึ่ง ตอนแรกว่าจะไม่พูดถึง แต่เมื่อโตโยต้าปล่อยตัวปล่อยราคาอินโดวา เอ๊ย อินโนวาออกมา และหลายเสียงบอกว่า เอาอีกแล้ว ออกราคาเจริญรอยตามอแวนซาอีกตามเคย ก็จึงเอามาฝาก

อย่างที่ผมเคยพูดถึง ว่าในปีนี้โตโยต้ามีรถดีราคาถูกอย่างไซออนทีซี ซึ่งในตอนนี้ก่ออาการฮิตกันถ้วนทั่วสำหรับเด็กแนวเมืองมะกัน ที่เฮโลปันใจออกจากซีวิคมาเอาไซออนไปแต่งอวดกันอย่างครึกครื้น ดังจะเห็นได้จากงานโชว์อุปกรณ์ตกแต่งรถที่ลาสเวกัสอันเพิ่งผ่านไปนั้น มีไซออนทีซีถูกนำมาแต่งโชว์นับกันไม่ถ้วน

เรื่องดีขนาดไหนได้พูดไปแล้ว ส่วนเรื่องราคาถูกอย่างไรนั้น มีตัวอย่างมาให้ท่านวิเคราะห์ดู

ในสหรัฐนั้น ตลอดสิบปีที่ผ่านมาฮุนไดได้เปิดกลยุทธ์ขายรถราคาถูก รับประกันยาวจนสร้างชื่อ จับใจชาวมะกันได้สำเร็จ

และในตลาดล่างนั้น ฮุนไดครอบครองอยู่อย่างมีความสุข แต่ทว่าในปีนี้มีเรื่องให้ค่ายเกาหลีต้องปวดหัว เพราะโตโยต้าปล่อยไซออนทีซีรุ่นปี 2005 ออกมา และก็ชนเข้ากับเค้กของฮุนไดทิบูรอนเข้าอย่างจัง แถมไซออนนั้นมีดีกว่าและถูกกว่าเสียด้วย

ฮุนไดจะทำอย่างไรได้ ก็ต้องหั่นราคารถตัวเองลงอีก 1,000 เหรียญ เพื่อเข้าแลกหมัด แต่อย่างไรก็ดี ฮุนไดทิบูรอนที่ลดไปแล้วพันหนึ่งเหลือ 16,539 เหรียญ ก็ยังแพงกว่าไซออนทีซีซึ่งแปะป้ายที่ 16,490 เหรียญอยู่ดี

หัวหน้าฝ่ายวางแผนผลิตภัณฑ์ของฮุนไดจึงต้องมีไม้สอง คือ แจ้งดีลเลอร์ให้มีส่วนลดแก่ลูกค้าอีกขนาน เพื่อให้มีราคาต่ำกว่าไซออนให้ได้

ในด้านดีสำหรับฮุนไดคือ ทิบูรอนนั้นมีภายในกว้างกว่าไซออนทีซี และมีรับประกันยาวนานกว่าคือ สิบปีหนึ่งแสนไมล์ ขณะที่ไซออนนั้นประกันให้แค่สามปีสามหมื่นหกพันไมล์

ทว่าทางไซออนทีซีก็มีข่มทิบูรอนอยู่เช่นกัน ไม่เพียงแต่ชื่อชั้นความไม่จุกจิกเชื่อถือได้ของโตโยต้า แต่ของติดตัวทีซีอย่าง เอบีเอส ล้ออัลลอย 17 นิ้ว ก็ไม่ใช่ธรรมดา และที่สำคัญเครื่องที่ยกมาจากแคมรีนั้นแรงกว่าฮุนไดอยู่โข

การที่โตโยต้าทำของดีมาขายถูกนี้ จึงทำให้ไซออนทีซีทำยอดขายกระฉูด โดยเมื่อนับถึงสิ้นเดือนตุลาที่ผ่านมาไซออนทีซีถูกขายไป 19,667 คันในชั่วเวลาสี่เดือนหลังจากเปิดตัว ขณะที่ฮุนไดทิบูรอนรถเกาหลีสไตล์อิตาเลียนต้องใช้เวลาสิบเดือนถึงขายไปได้ 17,484 คัน

โตโยต้าทำได้อย่างไรนั้น ว่ากันว่า หัวใจหลักอยู่ที่ประสิทธิภาพในการผลิต ซึ่งโตโยต้ามีเคล็ดลับอยู่หลายขนาน เป็นต้นว่า หนึ่งในนั้นก็คือ ระบบ Just-in-time ที่นักเรียนเอ็มบีเอทั่วโลกต้องเรียนกันทุกคันนั่นไง

ทว่าวิเคราะห์กันง่าย ๆ สั้น ๆ แบบไม่เอ็มบีเอ คือ

โตโยต้าทำของดีและขายถูกกว่ารถเกาหลีได้ครับ ถ้าจะทำ

เรื่องที่เกี่ยวข้อง : Scion รถเท่ ถูกและดี จากโตโยต้า , ฮุนได คิดจะสู้กับเสือ จึง "ยกเค้า" เสือเสียเลย
ที่มา : detnews.com

เจ้าแกะซ่าส์ กระบะสำหรับชาวออฟโรด


Dodge Ram Powerwagon แกะซ่าส์พร้อมลุยจากดอดจ์

ดอดจ์แรมเป็นกระบะขายดีเบอร์ 3 ในแดนคาวบอย และก็เป็นตัวเชิดหน้าชูตาให้ค่ายเดมเลอร์-ไครสเลอร์เขา

เจ้าแกะรุ่นที่แล้วนั้นสร้างชื่อโดยการฉีกแนวด้วยหน้าตากระบะอเมริกันไปทางเรโทร-ย้อนยุค ทำให้คนนิยมกระบะลุงแซมที่ไม่อยากจะเหมือนใคร รึไม่อยากจะร่วมวงคนส่วนใหญ่ที่เลือกฟอร์ดเอฟ150 หรือเชฟวีซิลเวอราโด มีทางไปอย่างมีสไตล์

มาถึงโฉมใหม่นี้ก็ยังคงแนวเรโทรดังเดิม แต่มีกระจังที่ใหญ่ขึ้นหนักข้อไปอีก และดูกร่างดุดันกว่าแต่ก่อน

เห็นท่าว่าแนวของกระจังนี้จะประสบความสำเร็จ เพราะไม่เพียงแต่เก๋งใหม่ ๆ ของดอดจ์เอง แม้แต่ไครสเลอร์แบรนด์หรูของค่ายก็ยังรับดีเอ็นเอนี้เข้าไป ดูหยั่งดอดจ์แมกนัม เสตชันวากอนสุดเท่ห์ หรือไครสเลอร์ 300 ที่เพิ่งรับรางวัลรถแห่งปี 2005 นั่นปะไร

ทว่าหน้าตาที่ออกแนวอเมริกันอย่างเดียว ดูจะไม่ครบคุณสมบัติที่คุณแม่ยายต้องการ ถ้าจะมะกันจริงต้องมีเครื่องแรง ๆ มาด้วย

อะอา นั่นคือทางปืนที่ดอดจ์บรรจงสร้างไว้ล่ะ

เจ้าแกะซ่าส์ที่เอ็ดมุนส์ได้ไปลองขับมานั้น เป็นดอดจ์แรมรุ่นพิเศษพะตราเพาเวอร์วากอน อันหมายถึงเจ้าแห่งรถกระบะลุยออฟโรดตัวแรงจากโรงงาน

โดยเจ้ายักษ์ 4x4 คันนี้ได้ถูกเปิดตัวเป็นครั้งแรกที่หุบเขา "แมงมุมพิษ" แห่งรัฐยูท่าห์ ที่นั่นมีโขดหินธรรมชาติแนวตั้งให้ปีนไต่อยู่เพียบ

จอมลุยตัวนี้พกของดีในชื่อ "สมาร์ทบาร์ - แท่งอัจฉริยะ" อันเป็นแท่งอิสระแยกส่วนควบคุมด้วยระบบอีเล็คทรอนิคส์ ทำหน้าที่รักษาสมดุลการเคลื่อนไหวช่วยกำราบอุปสรรคให้การตะกายเส้นทางชันง่ายดังกินขนมหวาน

เจ้าเพาเวอร์วากอนไม่เพียงแต่ชำนาญถนนออฟโรดเท่านั้น บนทางดำพี่ท่านก็ให้ความสบายแก่ผู้โดยสารได้ไม่เลว

ดูเหมือนว่าเจ้าแกะซ่าส์จะเก่งสารพัด แต่เก่ง ๆ อย่างนี้ก็มากับค่าตัวที่หนักหน่อย คือเริ่มที่ 36,635 เหรียญ แต่ถ้าหากดูอุปกรณ์เสริมพิเศษที่ดอดจ์ให้มาแล้วกลับถือว่าคุ้ม เพราะได้ของราคาหมื่นเหรียญโดยจ่ายเพิ่มแค่หกพันเศษเท่านั้นเอง

เพาเวอร์วากอนเป็นรถรุ่นพิเศษมาในเครื่องเฮมิแปดสูบ 5.7 ลิตร 345 แรงม้า มีกำลังฉุด 375 ปอนด์-ฟุต สิ่งที่เสริมให้เจ้าแกะกลายเป็นตัวซ่าส์ มีเป็นต้นว่า วินช์ที่ให้กำลังขนาด 12,000 ปอนด์ฝังในตัวที่ด้านหน้ารถ ระบบช่วงล่างที่ให้สปริงเรตต่ำ มีเฟืองล็อคหน้าหลัง ไดนาโมและแบตเตอรีกำลังสูง เอบีเอสสี่ล้อ

พร้อมกับของชอบของชาวออฟโรดโดยเฉพาะนอกจาก "แท่งอัจฉริยะ" นั่นแล้ว ก็คือ ยางบีเอฟกูดริชชนิดออลเทอเรนขนาด 33 นิ้ว แผงเหล็กด้านล่างกันห้องเครื่อง เรลข้างตัวจากเหล็กกล้า และช็อคแก๊สชนิดเฮฟวีดิวตี้

ในปลายเดือนธันวาคมนี้ เจ้าแกะถึงจะได้ออกซ่าส์ตามท้องถนน อุ๊บส์ นอกถนน

ที่มา : edmunds.com

เมอร์ซีเดส-เบนซ์เอส 600 ที่ช่วยตัวเองไม่ได้


Mercedes-Benz S600 หน้าตาอย่างนี้แหละแต่สีดำ ที่โดนมือดีย่องเอาไป

จะโขมยรถทั้งที

เอาที่มันดีที่สุด และเป็นของหนึ่งในคนที่สำคัญที่สุดจะเป็นไรไป

ว่าแล้ว โจรลักรถที่หนังสือพิมพ์เยอรมันเดาว่าเป็น มาเฟียรัสเซีย ก็ลงมือบนท้องถนนเมืองสตุทการ์ท บ้านเกิดของรถยนต์เมอร์ซีเดส-เบนซ์ โดยโจรกรรมลิมูซีนกันกระสุน เอส600 ของเจอร์เก็น เชร็มป์ซีอีโอของค่ายตราดาวไปเสียเลย

จากวันนั้น 26 ตุลา กระทั่งวันนี้ก็ครบเดือนหนึ่งพอดี ก็ยังไร้วี่แววของรถ 12 สูบหรูสีดำราคาเหยียบสี่สิบล้านบาทคันนั้น

รถลิมูซีนนิรภัยที่หายไป มีกระจกกันกระสุน โครงสร้างแผ่นเหล็กกล้าหนาเป็นนิ้ว ยางที่วิ่งต่อได้แม้ไม่มีลม และที่สำคัญมีทั้งระบบสื่อสารที่จะช่วยบอกว่ารถอยู่ที่ไหนด้วย

แต่ไม่ได้ช่วยอะไรเล้ยยย

ที่มา :bloomberg.com

Tuesday, November 23, 2004

บีเอ็มดับเบิลยู เอ็กซ์5 โฉมใหม่


BMW New X5 สูงกว่าเดิม กว้างกว่าเดิม ยาวกว่าเดิม และน่าจะแพงกว่าเดิม มองมุมท้ายดูโปร่งคล้ายเอ็กซ์3 แต่ไม่หวือหวาเท่า ด้านหน้าลาดต่ำชัดเจน

ใครตาดี จะมองเห็นบีเอ็มดับเบิลยู เอ็กซ์5 รุ่นที่สองซ่อนพรางอยู่ใต้พลาสติคคลุมสีดำนั่น

แม้บีเอ็มดับเบิลยูสร้างรถเอสยูวีเข้าตลาดหลังผู้อื่น แต่เอ็กซ์5 รุ่นแรกซึ่งพะตราว่าเป็นเอสเอวี หรือรถยกสูงที่แรงเยอะขับสนุกนั้นไม่ทำให้ใครผิดหวัง

เพราะหน้าตาหล่อเหลาคมคาย มีแนวกล้ามให้เห็นสมตัว ให้การขับขี่เด่นกว่าเอสยูวียี่ห้ออื่นที่ออกมาก่อนหน้า ทั้งความประณีตของรถก็สมราคา แถมยังขายดีไปทั่วแว่นแคว้น

ลองนึกดูก็แล้วกันว่าแม้แต่ขวัญใจแม่ยกอย่างไชยา มิตรชัยก็ยังขับเอ็กซ์5

จากความสำเร็จของเอ็กซ์5 ทำให้เอ็กซ์3 ถูกดันตามหลังมาติด ๆ แม้ชื่อชั้นจะเป็นรอง แต่น้องเล็กเอ็กซ์3 ก็มีขนาดเกือบเท่าพี่ใหญ่

เมื่อออกรุ่นแรกมาก็หลายปี ไหนจะมีน้องขึ้นมาเบียดหาใจรดต้นคอ บีเอ็มก็เลยซุ่มสร้างเอ็กซ์5 ตัวใหม่อย่างขมักเขม้น

แล้วก็เผยโฉมให้เห็นจากการพรางตัวทดสอบ แถว ๆ สำนักใหญ่ของบีเอ็มที่เยอรมันนั่นเอง

เอ็กซ์5 ตัวใหม่รหัส E70 นี้ เป็นผลจากการดีไซน์ที่นำโดยเอเดรียน ฟาน ฮูยยดองค์ โดยยังคงเค้าเอ็กซ์5 ตัวเดิมอยู่บ้าง และยังรักษาเส้นสายความเป็นบีเอ็มดับเบิลยูอยู่ตามธรรมเนียม ทั้งนี้หน้าตาเอ็กซ์5 ใหม่ออกมาแนวสุขุม ไม่หวือหวาอย่างเอ็กซ์3 พร้อมกับเรือนร่างที่ยาวกว่าเดิม กว้างกว่าเดิม และสูงกว่าเดิม


BMW New X5 มีเส้นสายข้างลำตัวสุดฮิต ลากยาวจากหน้าจรดบั้นท้าย

ความใหญ่กว่านี้เองที่จะรักษาเส้นแบ่งระหว่างเอ็กซ์5 ใหม่กับเอ็กซ์3 ผู้น้องได้ชัดเจนขึ้น แถมน่าจะส่งราคาให้สูงขึ้นไปอีกด้วย

ภายในของเอ็กซ์5 ใหม่จะคล้ายคลึงกับรถเก๋งซีรีส์5 โดยมี 5 ที่นั่งเป็นมาตรฐาน และหากลูกค้าต้องการอีก 2 ที่ก็จ่ายเพิ่มพิเศษ

ในรุ่นธรรมดาจะถูกลงระบบกันสะเทือนแบบสปริงเหล็ก ส่วนรุ่นท็อปนั้นจะขยับเป็นระบบแอร์สปริง พร้อมปรับระดับได้อัตโนมัติ

เครื่องยนต์ของเอ็กซ์5 ใหม่ มีทั้งหกสูบ 3.0 ลิตร และแปดสูบ 4.0 หรือ 4.8 ลิตร พ่วงด้วยเครื่องดีเซลสำหรับตลาดยุโรปอีกขนาน

ด้านระบบขับเคลื่อน ยังคงเป็นขับสี่แบบเอ็กซ์ไดรฟ์ตามตำรับบีเอ็ม นั่นคือ บาวาเรียนมอเตอร์เวอร์คใช้สูตรไม่มี separate transfer case, locking differentials หรือ automatically decoupling stabilizers อย่างเอสยูวีลุย ๆ ทั้งหลายเขามีกัน เพราะรู้ ๆ กันอยู่ว่าคนซื้อเอ็กซ์5 นั้นเขาไม่เอาไปขับทางเปื้อนโคลน แต่เอาไปซิ่งบนถนนดำกัน ดังนั้นเพื่อลดน้ำหนักรถ และความคล่องตัวในการขับขี่ พี่ท่านก็บอกว่าอย่ามีเลยเสียดีกว่า

นั่นนะสิ มีใครเคยเห็นไชยา มิตรชัยขับบีเอ็มดับเบิลยูเอ็กซ์5 สีดำคันนั้นออกลุยออฟโรดบ้าง

ที่มา :autoweek.com (คลิกเพื่อดูข้อมูลและภาพเพิ่มเติม)

Monday, November 22, 2004

ออดี้ เอ8 ดีเซลหรูแรง


Audi A8 diesel เครื่องยนต์ที่นำความแรง มาใส่รถหรู พะป้ายดีเซลสะอาดเสียด้วย

ในภาวะวิกฤติน้ำมันอย่างปัจจุบัน หลายประเทศรับมือกับสถานการณ์ไม่เหมือนกัน ทางอเมริกายังทำท่างง ๆ ฝั่งญี่ปุ่นจับรถมาทำเป็นไฮบริดกันใหญ่ ส่วนฝ่ายยุโรปก็มุ่งลุยปรับปรุงเทคโนโลยีดีเซลอย่างขมักเขม้น

ออดี้ เอ8 4.0 ทีดีไอ รุ่นใหม่นี้ก็เป็นหนึ่งในรถหรูแรง ที่มีหัวใจเป็นดีเซล

เอ8 มีเรือนร่างใหญ่โตสมกับรถที่หรูที่สุดของค่ายสี่ห่วง แต่ด้วยโครงสร้างรถแบบอลูมินัมทำให้รถเบากว่าที่ตาเห็น และพุ่งปราดบนระบบกันสะเทือนแบบอากาศปรับได้ อย่างกับผีเสื้อเริงลม

เครื่องออดี้ เอ8 ทีดีไอนี้ จุสี่ลิตร แปดสูบวางเป็นตัววี แต่ละกระบอกสูบมีวาวล์ค้ำอยู่ 4 ตัว และมีระบบคอมมอนเรลรุ่นที่ 2 จากบ็อชฝั่งละตัว โดยระบบนี้จะฉีดน้ำมันผ่านรู 7 รู ที่แรงดัน 1,600 บาร์ นอกจากนี้ออดี้ยังลงเทอร์โบชาร์จเจอร์อีกฝั่งละตัว โดยใบพัดจะแปรผันตามความเร็วของเครื่อง

ผลที่ได้ก็คือ เครื่องดีเซลเทคโนโลยีสูงที่แรงจัด ให้แรงม้า 272 ตัวที่ 3750 รอบและแรงฉุด 476 ปอนด์-ฟุตที่ 1800-2500 รอบ เมื่อบวกกับระบบเกียร์ล่าสุดจากออดี้ทริปโทรนิค 6 สปีด และระบบขับเคลื่อนแบบควอตโตร ก็ยิ่งทำให้ เอ8 ออกเต้นระบำได้ดังใจนึก

0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำได้ในชั่ว 6.7 วินาที เบียดนำเก๋งเบนซินอย่าง บีเอ็มดับเบิลยู 735ไอ หรือ เมอร์ซีเดส-เบนซ์ เอส430 หรือโฟล์คสวาเกน ไพทัน 4.2 ได้สบาย ๆ


Audi A8 ห้องโดยสารที่ขึ้นชั้นสุดยอดตามแบบฉบับ

หลายคนอาจจะห่วงเรื่องเสียงเครื่องยนต์ แต่ผู้ทดสอบบอกว่าแทบจะไม่มีเสียงเครื่องเข้ามาในห้องโดยสารเลยในการขับบนถนนไฮเวย์

ไม่รู้ว่าผู้ที่ซื้อรถระดับนี้ เขายังคิดซื้อรถใหญ่แต่มุ่งประหยัดน้ำมันอยู่หรือเปล่า เพราะเครื่องดีเซลของออดี้คันนี้ให้อัตราที่ดีกว่าเบนซินอยู่ประมาณ 2 กิโลเมตรต่อลิตร ซึ่งไม่มากนัก ดังนั้นปัจจัยความแรงน่าจะเป็นจุดเด่นหลักมากกว่า

ในภาวะวิกฤติน้ำมันอย่างปัจจุบัน หลายคนรับมือกับสถานการณ์ไม่เหมือนกัน ทางอเมริกายังทำท่างง ๆ ฝั่งญี่ปุ่นจับรถมาทำเป็นไฮบริดกันใหญ่ ส่วนฝ่ายยุโรปก็มุ่งลุยปรับปรุงเทคโนโลยีดีเซลอย่างขมักเขม้น

ส่วนพี่ไทยนั้นทางเลือกมีอยู่แค่ซื้อรถเขาใช้เท่านั้นเอง

ที่มา : fourtitude.com

นักออกแบบรถชาวเวียดนาม และคริส เบงเกิล


Hua Thai-Tang ยืนคู่ฟอร์ดมัสแตงใหม่ จากฝีมือการนำทางวิศวกรรมของเขาเอง

วันนี้มีข่าวสองรสชาติมาฝาก

คือ นับแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2004 ผู้ที่จะขึ้นรับตำแหน่งหัวหน้าขององค์กรย่อยด้านการออกแบบของฟอร์ดที่ชื่อ the advanced Product Creation and Special Vehicle Team คือ ฮัว ไท-แทง

หนุ่มเวียดนามวัย 38 คนนี้ไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับฟอร์ดแต่อย่างไร เพราะเขาคือ หัวหน้าวิศวกรของมัสแตงใหม่รุ่นปี 2005 ที่กำลังฮือฮาในตลาดอเมริกันอยู่ในตอนนี้นั่นเอง ก่อนหน้านั้นไท-แทงมีประสบการณ์ดูแลการสร้างรถแรง ๆ ตระกูลม้าป่า ได้แก่ มัสแตงจีที มัสแตงคอบร้า และมัสแตงจีทีบัลลิตรุ่นปี 2001 มาก่อน

ไท-แทงเป็นชาวเวียดนามโดยกำเนิด ได้เข้ามาทำงานกับฟอร์ดเมื่อปี 1988 ในฐานะของนักศึกษาฝึกงาน ประสบการณ์อย่างอื่นกับฟอร์ดก็เช่น การทำงานในเยอรมันให้กับหน่วยรถแข่งฟอร์ดเรซซิ่ง

แม้ว่าไท-แทงจะยังไม่ได้รับตำแหน่งสูงสุดในสำนักออกแบบของฟอร์ด แต่ก็นับว่าไม่ธรรมดา

ข้อมูลเพิ่มเติม ประวัติของ ฮัว ไท-แทง


Chris Bangle ยืนอวดรถบีเอ็มดับเบิลยูจากฝีมือการออกแบบของเขา

ขณะที่คนเวียดนามได้รับตำแหน่งในฟอร์ด อีกด้านหนึ่งฝรั่งหัวแดงก็ถูกเชิญให้มารับตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการออกแบบให้แก่สิงคโปร์

โดยทางรัฐบาลสิงค์โปร์ได้แต่งตั้งให้คริส เบงเกิล หัวหน้าสำนักออกแบบของบีเอ็มดับเบิลยู ให้เป็นหนึ่งในคณะกรรมการที่ปรึกษานานาชาติด้านการออกแบบของตน หน้าที่ของเบงเกิลคือ ให้คำแนะนำต่อสิงคโปร์ ในการสร้างอุตสาหกรรมการออกแบบและสร้างสรรค์ของตนขึ้นมา ให้ความรู้ในภาพรวมของสถานการณ์ แนวโน้ม และความท้าทายของการออกแบบ รวมถึงบอกท่าทีที่สิงคโปร์ควรจะมีในการออกแบบระดับนานาชาติ จุดแข็งจุดอ่อน และให้คำวิจารณ์ต่อการออกแบบ หรือการส่งเสริมการออกแบบของสิงคโปร์ด้วย

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีเอ (ข่าวสาร สื่อสารและศิลปะ) ของสิงคโปร์บอกว่า อยากจะนำแนวคิดของผู้ที่กล้าแหวกแนวในการออกแบบรถอย่างเบงเกิลมาให้คำแนะนำ เพื่อชักพาให้สิงคโปร์เติบโตให้เป็นเศรษฐกิจฐานความรู้และความสร้างสรรค์ เพราะเบงเกิลนั้นเป็นดีไซน์เนอร์ระดับโลกที่กล้าคิดกล้าทำต่างจากผู้อื่น ในขณะเดียวกันก็รักษาสมดุลของการออกแบบที่ใช้งานได้จริง และกระแสตลาดได้ดี

เบื้องหลังของหนุ่มฝรั่งคริส เบงเกิล คือ หัวขบวนของบริษัทดีไซน์เวอร์คยูเอสเอ ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบีเอ็มดับเบิลยูกรุ๊ป บริษัทนี้ตั้งอยู่ที่แคลิฟอร์เนีย รับหน้าที่ในการออกแบบรถยนต์ ผลิตภัณฑ์และการสื่อสาร รวมถึงการออกแบบอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากยานยนต์หรือการเป็นที่ปรึกษาให้แก่ลูกค้าภายนอกด้วย

แบงเกิลมีลูกทีมอยู่ 250 คน ร่วมกันสร้างสรรค์ดีไซน์รถบีเอ็มดับเบิลยู โรลส์รอยส์ และมินิ รวมทั้งออกแบบรถมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยู หรือข้าวของเครื่องใช้ประจำวัน

ในช่วงปีหลัง ๆ นี้ แบงเกิลเป็นดีไซน์เนอร์ที่มีผู้คนพูดถึงมากที่สุด หลังจากในปี 2001 ที่บีเอ็มดับเบิลยูนำซีรีส์ 7 ใหม่ออกสู่ตลาด เพราะรูปแบบ หน้าตาของรถสื่อถึงแนวคิดใหม่ของบีเอ็ม และเมื่อแซด 4 อันเป็นรถที่ใช้พื้นผิวของตัวถังในการสื่อภาษารถแนวใหม่ตามมาติด ๆ ก็ยิ่งเป็นการย้ำถึงฝีมือของแบงเกิลในการฉีกแนวไปสู่การออกแบบรถแนวโมเดิร์น พร้อม ๆ กับเขย่าวงการรถที่มักจะหัวเก่าในการออกแบบในขณะเดียวกัน

ที่มา : detnews., germancarfans.com

ออกแบบภายในตามเชิงใหม่ของออดี้


Audi New Design ห้องโดยสารแนว "อนาคต" ที่ออดี้จะเอามาลงรถตลาดของตัว

แหล่งข่าวจากวงในของออดี้บอกว่า ทางออดี้คิดจะปฏิวัติแนวคิดของการออกแบบภายในของตัวเอง จากเดิมที่ได้รับคำชมกันถ้วนทั่วในทศวรรษที่ผ่านมาให้ไปสู่แนว "อนาคต"

ตัวอย่างที่เริ่มเห็นการบ้างแล้ว ก็คือ ภายในของรถต้นแบบเลอมังส์ ที่มีแนวเส้นพุ่งโอบรอบตัวผู้ขับ อันจ๊าบสุด ๆ

ลองเทียบกับห้องโดยสารของเอ 6 ใหม่ดูนะครับ ว่าแนว "อนาคต" ที่ว่านั้นเริ่มหรือยัง


Audi A6 รุ่นใหม่ที่เริ่มต้นรับแนวคิดใหม่ของการออกแบบภายใน แต่ยังไม่หวือหวาเท่าใดนัก

ที่มาของเรื่องและภาพ : autocar.co.uk