Thursday, December 09, 2004

บีเอ็มดับเบิลยู 3-แมกซ์ เอ็มพีวีตัวแรกจากบีเอ็ม


BMW 3-MAX ที่ยุโรปจัดให้เป็นเอ็มพีวี แต่ดูรูปทรงแล้วก็คล้ายสเตชันเวกอน

หากเอาบีเอ็มซีรีส์3 ใหม่มาปะทะกับแวกอนสุดดังแห่งปีอย่างดอดจ์แมกนัม จะได้ผลลัพธ์เป็นอะไร ?

คำตอบนั้น อาจจะเป็นบีเอ็มดับเบิลยู 3-แมกซ์ ที่ออโต้เอ็กเพรสเอามาขึ้นหน้าปกในช่วงนี้

และก็ให้บังเอิญเป็นอันมากที่ 3-แมกซ์ มีชื่อเรียกและลักษณะรถไปคล้ายกับฟอร์ดโฟกัส ซี-แมกซ์ที่ขายกันที่ยุโรปนั้นซะด้วย

3-แมกซ์ นั้นเป็นซีรีส์ 3 ที่มี 6-7 ที่นั่ง พร้อมประตูเปิดชนิดที่ฝรั่งเรียกว่า barn-style และถือว่าเป็นเอ็มพีวีตัวแรกจากบาวาเรียมอเตอร์เวอร์ก โดยรหัสที่เรียกกันภายในบีเอ็มนั้นคือ RFK

จุดขายของบีเอ็มตัวนี้นอกจากอรรถประโยชน์ของการเป็นเอ็มพีวีแล้ว ก็คือระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ไอ-ไดรฟ์ ส่วนเครื่องยนต์นั้นก็จะเป็นบล็อกต่าง ๆ หลากหลายเช่นกับซีรีส์ 3 ใหม่

คู่แข่งของ 3-แม็กซ์นั้น ออโตเอ็กเพรสเอ่ยถึง เมอร์ซีเดส-เบนซ์ อาร์คลาส และออดี้คิว 7

กำหนดที่จะออกสู่ตลาดนั้น เห็นท่าว่าจะต้องรออีกนาน

ที่มา :autoexpress.co.uk

เอสยูวีใหม่หมดจด 2006 เมอร์ซีเดส-เบนซ์ เอ็มคลาส


Mercedes-Benz M-Class ใหม่ รถสูงน้อยกว่าเดิม และเอาเส้นสายคูปมาแฝงใส่ด้วย

เมอร์ซีเดส-เบนซ์ปล่อยภาพอย่างเป็นทางการของรถลุยเอ็มคลาส ที่ถูกปรับโฉมใหม่หมดจดอันถือเป็นโฉมที่สอง ออกมาสู่สาธารณะแล้วเมื่อวานนี้

จากรูปร่างหน้าตาที่เห็น เมอร์ซีเดสยังคงเค้าเดิมของเอ็มคลาสอยู่พอควร แต่ว่าก็มีการปรับเปลี่ยนที่เห็นชัดอยู่เหมือนกัน

ที่เด่นที่สุดเมื่อเทียบกับเอ็มคลาสโฉมแรกในสายตาผมก็คือ กระจังหน้า (หากมองจากรูปด้านหน้า) ที่ดูคล้ายโดนฟันฉลามแทะมา หน้ากระโปรงรถที่ยาวขึ้นและแนวกระจกหน้ารถลาดเทมากกว่าเดิม ด้วยสัดส่วนเช่นนี้ทำให้เอ็มคลาสโฉมใหม่มีรูปลักษณ์เป็นรถทรัคเอสยูวีมากกว่าคันก่อน ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องดี

เพราะพูดก็พูดเถอะว่า เอ็มคลาสที่ปล่อยออกมาเป็นครั้งแรกเมื่อเจ็ดปีก่อนนั้น มองผาด ๆ คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นรถมินิแวนไม่มีผิด ไม่ว่าจะชำเลืองจากมุมไหน เว้นแต่โป่งที่มีให้เห็นอยู่นิดและล้อโต ๆ เท่านั้นเองที่บอกว่า นี่เป็นรถลุยนะเฟ้ย

แต่ในขณะเวลานั้น ถือว่าเมอร์ซีเดส-เบนซ์ อ่านทิศทางตลาดได้ทะลุปรุโปร่ง เพราะคนเริ่มเห่อขับเอสยูวีกันยกใหญ่ แต่เอสยูวีที่หรูมาแต่กำเนิดจริง และใหญ่ถึงระดับนั้นหามีไม่ จะมีก็แต่การจับเอารุ่นพื้นฐานมาแปลงชื่อแปลงโฉมเป็นเอสยูวีหรู อย่างเช่น เล็กซัสแอลเอ็กซ์ที่เอาโตโยต้าแลนด์ครูสเซอร์มาใส่ฟูลออพชันขาย

และอีกประการที่เมอร์ซีเดส-เบนซ์จับไต๋ได้ขาด ก็คือ ผู้ที่หาซื้อเอสยูวีเริ่มมองเอสยูวีที่พื้นฐานการขับคล้ายรถมากขึ้น ดังจะเห็นได้จากการขายดีของโตโยต้าราฟโฟร์ที่เป็นผู้บุกเบิกตลาดรถเอสยูวีที่มีฐานมาจากโครงสร้างแบบรถยนต์ และฮอนด้าซีอาร์วี รวมถึงเอสยูวีหรูที่มาจากเก๋งยกสูงอย่างเล็กซัสอาร์เอ็กซ์ 300 ที่ตามไปฮิตสำทับ

การนำเสนอเอ็มคลาส เอสยูวีหรูที่ให้อารมณ์การขับใกล้เคียงกับรถยนต์ มีช่วงล่างอิสระสี่ล้อ จึงเป็นการฉีกแนวที่โดดเด่น เพราะแม้แต่แคดิแล็คเอสคาเลด หรือลินคอล์นเนวิเกเตอร์ที่มาในช่วงเดียวกันกับเอ็มคลาสก็ยังออกแนวทรัคอยู่ดี

แต่ใช่ว่าเอ็มคลาสตัวแรกจะมีแต่เรื่องดีไปเสียทั้งหมด

เมอร์ซีเดส-เบนซ์เอ็มคลาสที่ออกมาโฉมแรกนั้น นอกจากที่ดูคล้ายมินิแวนออกจากโรงยิมฟิตเนสแล้ว ยังสร้างความผิดหวังให้กับแฟน ๆ ที่อยากจะเห็นความหรูของเก๋งเมอร์ซีเดส เข้าไปอยู่ในรถลุย เพราะเมื่อได้ลองเข้าไปสัมผัสแล้วก็หากันแทบไม่เจอ นอกจากวัสดุที่ดูดาด ๆ ช่องว่างระหว่างรอยต่อของแผ่นผิวที่กว้าง แล้วยังโดนวิจารณ์เรื่องการประกอบห่วยอยู่พอสมควร ทำเอาการผลิตเอสยูวีของเมอร์ซีเดส-เบนซ์ครั้งแรกออกจากโรงงานในอเมริกาดูไม่สวยเท่าไร

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากไม่มีคู่แข่ง ก็ทำให้ชาวประชาก็เดินเข้าโชว์รูมไปลองเอ็มคลาสอยู่ดี เช่น พี่พรกับภรรยา หนึ่งในผู้นิยมเบนซ์ และเป็นผู้มีพระคุณต่อผมเป็นการส่วนตัว ก็ชักชวนผมไปลองขับด้วย

ครับ สาวกเบนซ์ทั้งสองท่านก็ออกปากเรื่องความธรรมดาของการออกแบบภายในเป็นอย่างแรก และอย่างที่สองก็คือ การขับที่ดูกระด้างไปหน่อย เสียงเข้ามาในรถมากไปนิด เนื่องจากเส้นทางที่เราเลือกนั้นเป็นเส้นทางขี้ฟ้อง ปราบเซียนอยู่ด้วย

ผลก็คือ พี่เขาไม่เอา โดยสัปดาห์ถัดมาก็มีเรื่องบังเอิญที่ทำให้ผมโดนพี่พรด่าอยู่เหมือนกัน คือ ผมชวนพี่ทั้งสองไปลองเล็กซัสแอลเอ็กซ์ 450 มือสอง แล้วพี่ผู้หญิงเขาติดใจ ชนิดที่ว่าคืนนั้นทั้งคืนมองเห็นแต่เล็กซัส ทำให้เช้าวันนั้นเราต้องห้อรถเป็นร้อยไมล์ไปออกเล็กซัสมาในที่สุด

แต่ว่าอีกหกเดือนให้หลัง การมีเอสยูวีคันเดียวในบ้านก็ไม่พอที่จะรับมือกับอาการฮิต พี่พรก็ได้เอ็มแอล 430 มาขับสมใจ เมื่อเมอร์ซีเดส-เบนซ์ลดราคากว่า 5,000 เหรียญ

จากนั้นเอ็มคลาสรุ่นปรับโฉมย่อย ก็มีมัดกล้ามมากขึ้น ปรับด้านหลังให้ดูบึกบึนต่างจากรถมินิแวน แก้จุดอ่อนของการออกแบบภายในอีกนิดหน่อย


Mercedes-Benz M-Class ใหม่ มีด้านหลังที่ห่างไกลจากท้ายมินิแวนของรุ่นแรก

และมาเปลี่ยนแปลงมากที่สุดก็ใน พ.ศ. นี้ที่ เอ็มคลาสโฉมที่สองเตรียมออกสู่ตลาด

นอกจากที่ผมเกริ่นในตอนแรกว่าเอ็มคลาสใหม่นี้ทำรูปทรงออกมาในแนวของทรัคเอสยูวีมากขึ้นแล้ว ยังกว้างกว่า ยาวกว่า แต่ความสูงน้อยกว่ารุ่นเดิม โดยเพลทฟอร์มเป็นชนิดยูนิบอดีใหม่หมด และมีโป่งล้อที่ใหญ่บึกกว่าเดิม

ที่เป็นของใหม่ก็มีเกียร์ออโตเมติคเจ็ดสปีด ระบบขับสี่แบบฟูลไทม์ที่แจ่มกว่า และตัวเลือกอย่างระบบกันสะเทือนแบบถุงลมปรับความสูงได้ รวมทั้งสิ่งที่เอสยูวีรุ่นใหม่ขาดไม่ได้อย่างอุปกรณ์ช่วยเดินเครื่องลงเขา และอุปกรณ์กันรถไหลลงยามปีนไต่ทางชัน (Hill-Start Assist)

ผู้ที่สนใจเอ็มคลาสตัวใหม่ก็เลือกเครื่องยนต์ได้ ว่าจะเป็นหกสูบ 3.5 ลิตร 272 แรงม้า หรือแปดสูบ 5.0 ลิตร 306 แรงม้า หรือว่าจะเป็นดีเซล 3.2 ลิตร 224 แรงม้า หรือดีเซลใหม่ 2.8 ลิตร 190 แรงม้าที่จิบน้ำมันน้อยกว่า แต่ทั้งนี้ก็คงไม่ครบทุกตลาด

และที่น่าจะถูกใจสาวกมากกว่าเดิมก็คือ เอ็มคลาสมีภายในที่ให้อารมณ์และสัมผัสหรูสมตัวเสียที ไม่ว่าจะโดยการออกแบบ เกรดของวัสดุ รวมทั้งกว้างขวางกว่าเดิมด้วย

โดยเอ็มคลาสตัวใหม่ที่พะเป็นรุ่นปี 2006 จะถูกผลิตที่อลาบามาดังเช่นตัวแรก

ที่มา : biz.yahoo.com, classicdriver.com , whatcar.co.uk , autoweek.com , thecarconnection.com เลือกอ่านได้ตามใจชอบนะครับ

Wednesday, December 08, 2004

ขับแรก นิสสันฟรอนเทียร์ ปี 2005


Nissan Frontier ใหม่ที่เริ่มลงตลาดอเมริกาแล้ว

ปีนี้เป็นปีที่รถปิคอัพขนาดเล็กพากันเปลี่ยนโฉมกันยกใหญ่ และรายล่าสุดที่จะลงตลาดอเมริกันในเดือนนี้คือ นิสสันฟรอนเทียร์

ว่ากันว่าผู้ที่จะรอดในตลาดปิคอัพได้นั้น ผู้มาหลังต้องเหนือกว่าผู้มาก่อน และบวกกับแนวฮิตของแฟชั่นยุคใหม่ที่รถต้องใหญ่กว่าเดิม แกร่งกว่าเดิม ทำให้ฟรอนเทียร์ใหม่ก็มาในแนวที่ว่านั้นด้วย

ในช่วงนี้มีผู้ที่ลองขับฟรอนเทียร์ใหม่แล้วเอามาเล่าบนเว็บมีอยู่สองเจ้า คือ pickuptruck.com และ USA Today "วงเล่า" จึงขอเอามายำฝากกัน

ฟรอนเทียร์ใหม่นั้นถือว่าเป็นรถปิคอัพที่ย่อส่วนมาจากนิสสันไททัน ในอัตรา 3/4 หากถอดคำของรองประธานนิสสันอเมริกามาก็คือ นิสสันออกรถกระบะแกร่งไซส์แอล กับเอ็กซ์แอลมาให้ชาวบ้านได้เลือกซื้อนั่นเอง

โดยฟรอนเทียร์นั้นรับเค้าหน้ามาจากไททันเต็ม ๆ และโครงสร้างของฟรอนเทียร์ใหม่ก็อยู่บนแม่แบบเอฟ-อัลฟา ที่ย่อส่วนลงมานั่นเอง ทั้งยังใช้ระบบช่วงล่าง อรรถประโยชน์ของกระบะหลังที่ถอดแบบมาจากไททันนั้นด้วย ซึ่งที่น่าสังเกตก็คือ นิสสันใช้แชสสีแบบกล่องสี่เหลี่ยมแทนที่จะเป็นแบบตัว C อย่างกระบะรายอื่น ทำให้ได้ความรู้สึกของช่วงล่างที่แน่น แต่ก็ทำให้รถหนักกว่าชาวบ้านพอควร

ฟรอนเทียร์ใหม่นี้ถือเป็นรุ่นที่สามของกระบะนิสสัน โดยฐานล้อยาวกว่าเดิมเกือบสิบนิ้ว และกว้างกว่าเดิมเกือบสองนิ้ว

ส่วนเครื่องยนต์นั้น บ้านเขามีลงแต่เครื่องเบนซิน โดยมีเครื่องหลักคือ สี่ลิตรหกสูบ 265 แรงม้า แรงฉุด 284 ปอนด์-ฟุต ควบคุมด้วยเกียร์แมนวล 6 สปีด หรือเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด อันแปลงมาจากตระกูลเดียวกับที่วางใน 350Z และนิสสันหกสูบรุ่นอื่น ๆ

การมาของกระบะใหม่คราวนี้ นิสสันมีทีเด็ดก็คือ นำฟรอนเทียร์เวอร์ชันนิสโม เพื่อครองใจชาวออฟโรดออกขายด้วย งานนี้เรียกว่าออกมาชนกับ แซด71 ของเชฟวี หรือทีอาร์ดีของโตโยต้าโดยตรง

ตามแนวของรถออฟโรด ฟรอนเทียร์ในแบบฉบับของนิสสันมอเตอร์สปอร์ตจะมาพร้อมกับยางลุยของบีเอฟกูดริช ล็อคเฟือง และช็อคบิลสไตน์ นอกนั้นยังมี Hill Descent Control (HDC) ที่ช่วยให้ปีนลงจากเนินโดยไม่ต้องเลี้ยงเบรค และ Hill Start Assist (HAS) ที่ช่วยหยุดรถไม่ให้ไหลถอยหลังในยามปีนไต่ทางชัน และรถไม่กระตุกเมื่อปล่อยขาออกจากเบรคไปเหยียบคันเร่ง

มีอยู่เรื่องหนึ่งที่รถกระบะบ้านเรายังไม่เห็นและน่าจะเอามาลงกันเป็นมาตรฐาน คือ ที่พื้นปูกระบะหรือไลเนอร์ของไททัน ฟรอนเทียร์ใหม่ และทาโคมาใหม่ มีอุปกรณ์รัดของที่เลื่อนไปตามราง อันช่วยให้การยึดของไว้กับกระบะนั้นทำได้ง่าย และแน่นหนาดีมาก

pickuptruck.com ได้ลองขับที่เท็กซัสเป็นระยะเวลาสั้น ๆ และก็บอกว่าข้างในรถนั้นแจ่มดี คือไม่ออกแนวหรูจนลืมบรรยากาศของรถกระบะแกร่ง เสียงภายในห้องโดยสารในยามวิ่งบนถนนหลวงก็เงียบใช้ได้ ปุ่มเปิ่มใช้งานง่าย มาตรวัดก็มองเห็นชัดเจน แต่ทางคอลัมนิสต์ก็ออกปากบอกว่าในบรรดารถกระบะขนาดเล็ก-กลางที่ออกใหม่ไม่ว่าจะเป็นโตโยต้าทาโคมา เชฟวีโคโลราโด หรือดอดจ์ดาโกต้า ที่เพิ่งจะได้ลองขับกันไปก็ให้อารมณ์การขับบนถนนดำพอ ๆ กัน

และถ้าจะให้ฟันธงก็ต้องเอามาทดสอบเทียบกันซึ่ง ๆ หน้า หากใครจะเด่นเกินใคร ก็ต้องอย่ามองข้ามกระบะใหม่จากมิตซูบิชิ และฮอนด้านั้นด้วย

ส่วนทางลุงเจมส์แห่ง USA Today นั้นก็ให้ข้อมูลมาคล้าย ๆ กัน แต่แกก็ยกเกินไปว่าฟรอนเทียร์นั้นคือกระบะที่หน้าตาดีที่สุดของนิสสัน เพราะใคร ๆ ก็เห็นว่าไททันนั้นลงตัวกว่า

ลุงเจมส์บอกว่าในห้องโดยสารที่เคยเป็นจุดอ่อนของนิสสันนั้นมาคราวนี้ดูดีกว่าเดิม แต่ปุ่มหมุนยังไม่เนียนเท่าทาโคมา

ขณะที่จุดอ่อนที่แกเห็นคือ การตอบสนองของพวงมาลัยที่ดีใช้ได้ในการขับบนถนนไฮเวย์ ถนนหลวง แต่ที่ความเร็วต่ำ ๆ นั้นตอบสนองช้าไปหน่อย แถมวงเลี้ยวกว้างพอ ๆ กับกระบะฟูลไซส์

เมื่อเทียบกับทาโคมาแล้วฟรอนเทียร์สั้นกว่า 3 นิ้ว แคบกว่า 2 นิ้ว แต่หนักกว่าตั้งสี่ถึงห้าร้อยปอนด์

ครับแฟน ๆ กระบะนิสสันเมืองไทยคงต้องรอกันอีกนิด ระหว่างนั้นก็จงฮัมเพลงคนล่าฝันของท่านแอ๊ด คาราบาวไปพลาง ๆ ก่อน

ที่มา : pickuptruck.com , usatoday.com

แนวโน้มรถใหม่


BMW M5 หนึ่งในรถเสปคจากสนามแข่งที่ถูกส่งลงถนนหลวง

ในช่วงปลายปีเช่นนี้ เป็นธรรมเนียมที่คอลัมนิสต์นิตยสารรถจะพกข้อสรุปประจำปี หรือคาดเดาทิศทางของวงการรถยนต์ในศักราชถัดไป

อย่างในมอเตอร์เทรนด์ ก็มีพูดถึงกระแสในอนาคตไว้น่าสนใจมาก

เพราะนับทศวรรษมาแล้วที่สูตรสำเร็จในการทำเงินของผู้ผลิตรถยนต์ทั้งหลาย คือ การทำรถเอสยูวีออกมาขาย ทว่าตอนนี้ชาวบ้านก็ชักจะเบื่อ ๆ รถหน้าตาลุย ๆ เทอะทะ ซดน้ำมันหนักเสียแล้ว

ดังนั้นสิ่งใหม่ที่จะโดนใจคนขับรถนั้นจะต้องไม่เหมือนเดิม โดยกระแสใหม่นั้นคือ

1. เลิกฮิตเอสยูวี หันไปมองซียูวี
การสร้างรถเอสยูวีบนเฟรมบันไดในแบบปิคอัพนั้นตกยุคไปเรียบร้อย โดยสิ่งที่มาแทนคือ รถครอสโอเวอร์ (ซียูวี "crossover utility vehicles") ที่ผสมด้านล่างแบบเก๋ง หรือมินิแวน เข้ากับอรรถประโยชน์ของรถยกสูง

2. ไฮบริด ไฮบริด ไฮบริด
ราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้น ส่งผลให้พลโลกเห่อพรีอุส รถไฮบริดจากโตโยต้ากันไปถ้วนทั่ว และตอนนี้บรรดาค่ายรถทั้งหลายก็แห่กันผลิต แห่กันทำโครงการรถไฮบริดกันยกใหญ่

บางเทคโนโลยีนั้นก็ไม่ได้แปลกใหม่อะไร เป็นต้นว่า เครื่องยนต์ที่ปิดลูกสูบบางส่วนในระหว่างการใช้งาน แต่ที่โดดเด่นคือ ดีเซล ซึ่งมาแรงมากในยุโรป อันเป็นผลมาจากการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ทำให้เครื่องเดินเรียบและสะอาด

3. ส่งรถเสปคสนามแข่งลงท้องถนนหลวง
การขายรถเครื่องใหญ่แรง ๆ งานนี้คงไม่ใช่ตลาดบ้านเรา แต่ที่บ้านเขานั้นก็ได้เห็นว่ารถจำพวก 500 แรงม้านั้นมีออกมาเพียบโดยเฉพาะจากค่ายเยอรมัน รวมถึงพวกที่ไม่ถึง 500 แต่เป็น "รถซิ่ง" อย่างนิสสัน 350Z แลนเซอร์อีโว หรือซูบารุ WRX ที่ขายดีกันมาก

4. รถหรูที่มีค่าตัวขนาดย่อม ๆ
แต่เดิมรถหรู ๆ จากเยอรมัน หรือญี่ปุ่นนั้นมักจะแพงหูดับ คนรวยจริงเท่านั้นถึงจะเอาอยู่ ทว่าด้วยประสิทธิภาพการผลิต และแนวทางการตลาด ทำให้รถหรูมีราคาเบาลง ทำให้คนเริ่มรวยก็หามาขับได้ ดูอย่างรถซีดาน รถเอสยูวีรุ่นเล็กที่เริ่มหลากหลายจากบีเอ็มดับเบิลยู เมอร์ซีเดส-เบนซ์ ค่ายโฟล์ค หรือเล็กซัสนั่นปะไร

5. ชูความปลอดภัยเป็นจุดขาย
สมัยนี้ลูกเล่น หรือเทคโนโลยีใหม่ ๆ ไม่เพียงแต่จะถูกนำมาใส่รถค่าตัวแพง ๆ เท่านั้น แต่รถตลาดทั่วไปก็เริ่มมีลงกันมากขึ้น

อย่างเช่นที่เริ่มฮิตกัน คือ อุปกรณ์ควบคุมการทรงตัวของรถด้วยอีเล็คทรอนิคส์ (electronic stability control ) อุปกรณ์กันโคลงด้วยอีเล็คทรอนิคส์ (anti-rolling)

และที่เริ่มโผล่ให้เห็น คือ อุปกรณ์เตือนคนขับเมื่อรถแถออกนอกเส้นทาง อุปกรณ์รักษาระดับความเร็วหรือครูสคอนโทรล ที่อาศัยเรดาร์เข้าช่วยเพื่อรักษาระยะห่างกันรถคันหน้าอย่างอัตโนมัติ หรืออุปกรณ์เรดาร์ที่กวาดตามองรถที่จุดอับสายตาด้านข้างให้คุณ


Toyota Aygo ตัวอย่างของรถเล็กที่จะมาแรง

6. รถเล็กนั้นเท่ห์
รถขนาดเล็กที่เจาะใจวัยรุ่นเริ่มสร้างกระแสขึ้นมามากขึ้น ๆ ทุกวัน และมีแนวโน้มว่ารถเล็ก ๆ จิ๋ว ๆ จากทั้งค่ายเยอรมันและญี่ปุ่น จะออกเพ่นพ่านบนถนนโลกเยอะกว่าเดิม

7. รถแนวเด็กเมืองนั้นจ๊าบ
เด็กเมืองแนวใหม่ที่นิยมแต่งรถ แต่งเครื่องให้มีบุคลิกเฉพาะตัวนั้น มักจะสร้างกระแสให้รถที่หลาย ๆ คนมองข้ามในตอนแรก กลับมาขายดีกันอย่างไม่น่าเชื่อ และก็คงจะยังเป็นอย่างนั้นต่อไป อยู่ที่ว่าบริษัทรถจะออกลูกเล่นทันแฟชั่นของคนกลุ่มเล็กแต่มีอิทธิพลสูงกลุ่มนี้ได้หรือเปล่า

8. ขายบริการไม่ใช่ขายรถ
ครับ ไม่ว่ายุคนี้หรือยุคไหน ถ้ารถดีแต่บริการหลังการขายแย่ใคร ๆ ก็ไม่อยากแล หรือถ้าหากหลวมตัวลองเข้าไปสักคัน ก็ต้องร้องจ๊ากออกมาหาผู้ที่บริการได้ดีและสมเหตุผลกว่าอยู่ร่ำไป

และการบริการในวันข้างหน้านั้น ควรจะใช้อินเตอร์เน็ตเข้าช่วยเพื่อสื่อสารกับผู้ซื้อให้ ตรงใจ โดนใจ และทันใจมากขึ้น

9. มาตรฐานคุณภาพใหม่
ว่ากันว่าแต่เดิมนั้นมาตรฐานก็คือ รถที่นำออกขายต้องไร้ข้อบกพร่องเมื่อถึงโชว์รูม และไม่รวนในช่วงปีแรก ๆ

แต่มาตรฐานใหม่นั้น รถจะต้องทนทานไม่จุกจิกในระยะยาว หรือหลังจาก 3 ปีที่วิ่งออกมาจากโชว์รูม

นอกจากนั้นรถจะต้องดูมีคุณภาพทั้งไม่ว่าจะมองด้วยตา รู้สึกด้วยใจ หรือฟังด้วยหู อันเป็นแนวทางที่ค่ายเยอรมันอย่างบีเอ็มดับเบิลยู หรือออดี้ทำกันสำเร็จมาแล้ว

10. จีนกำลังมา
วงการอุตสาหกรรมรถยนต์นั้นมองตลาดจีนว่าเป็นเค้กก้อนมหึมาที่จะทำเงินให้ตัวเองอย่างเป็นกอบเป็นกำในอนาคต และก็แห่กันไปลงทุนกันยกใหญ่

รถนิยม อ้อ รสนิยมแบบจีนนั้น ก็ทำให้ค่ายรถเริ่มหาแนวทางการออกแบบยานยนต์ที่เป็นแนวเอเชียโดยเฉพาะ อย่างเช่น ทางค่ายบีเอ็มดับเบิลยูนั้นก็เริ่มจับทางได้บ้างแล้วว่า รถที่ไม่ค่อยถูกตาฝรั่งอย่างบีเอ็มซีรีส์เจ็ดนั้น เป็นที่โดนใจชาวมังกรกระเป๋าหนักยิ่งนัก

และหากมองในทางกลับกัน บรรดาผู้ผลิต "รถพันธุ์ทาง" หัวโฟล์ค ท้ายฮอนด้า ลำตัวโตโยต้า อาจจะสั่งสมประสบการณ์มากพอที่จะทำรถส่งออก และสร้างตัวตนของรถยนต์จีนในตลาดโลก ก็อาจเป็นไปได้

ที่มา : motortrend.com