Friday, November 05, 2004

แต่งเชฟวีโคโลราโดให้คนน้ำลายหก


Chevy Colorado SS (ภาพและข้อมูลจาก automobilemag.com )Posted by Hello

ในงาน SEMA ที่ลาสเวกัสในช่วงนี้ เชฟวีจับโคโลราโดมาแต่งในแนวสองเอส (SS) ของตน ใส่เบรคใหญ่ขึ้น ติดเกียร์โยกอยู่ที่พื้น เปลี่ยนเฟืองหลังใหม่ และยกล้อขนาด 20 นิ้วมาลง นอกนั้นก็เป็นสิ่งเสริมหล่ออย่างฝาปิดกระบะ กระจังหน้า กันชน คิ้ว และกาบที่เข้ากัน

ดูเหมือนไม่มากใช่ไหมครับ แต่หากเปิดกระโปรงดูจะตกใจ เพราะเชฟวีจับเครื่องแปดสูบ 400 แรงม้ายัดลงไปได้อย่างพิศดาร


Chevy Colorado SS ท่อคายอากาศด้านท้ายไม่ใช่แค่ของประดับ Posted by Hello

อาาาาา ครานี้ใครอย่ามาแหยมก็แล้วกัน จะฟอร์ดสายฟ้า หรือจะดอดจ์เอสอาร์ที-10 ก็เถอะ ลองเจอโคโลราโดเข้าไปสักตั้งปะไร

บทความที่เกี่ยวข้อง : ดอดจ์ดู้ด กระบะคม มาดเข้ม , เสริมหล่อให้โคโลราโดตัวลุย

วอลโวเอ็กซ์ซี 90 พียูวี นิยามใหม่ของรถลุยแรง ๆ


Volvo XC90 PUV - SEMA Show 2004 (ข้อมูลและภาพจาก swedespeed.com สาวกบนบนเวบหมายเลขหนึ่งของวอลโว) Posted by Hello

ในงานซีมาเทรดโชว์ ที่บูทของฟอร์ดมีวอลโวเอ็กซ์ซี 90 พียูวี - Power Utility Vehicle ยืนเด่นตระหง่านรอรับแขกอยู่ด้านหน้า และกลางลาน

รถลุยเชิงหรูจากวอลโวถูกปรับโหลดต่ำ แต่งกระจัง เสริมโป่ง เน้นคิ้ว ลงล้อติดยางห้าว ๆ นับว่าทำหน้าตาได้ไม่เลว

เมื่อส่องดูใต้กระโปรง มีเครื่องแปดสูบถูกบูสต์ขึ้นไปให้แรงม้าแตะ 650 ตัว ควบกับเกียร์ออโต้หกสปีด "เกียร์โทรนิค" พร้อมระบบขับเคลื่อนมาตรฐานสี่ล้ออีเล็คทรอนิคส์

นอกจากหน้าตาที่จะไม่เลวแล้ว นับว่าพละกำลังก็ไม่บันเบา

การตบแต่งแนวนี้ทำให้รถเดิม ๆ ที่ดูเหยียบขี้ไก่ฝ่ออยู่แล้ว หันมาย่ำขี้ช้างกระเด็นสบาย ๆ

ดอดจ์ดู้ด กระบะคม มาดเข้ม


Dodge Dude (ภาพและข้อมูล automobilemag.com) Posted by Hello

การแต่งรถกระบะให้จ๊าบสไตล์มะกันนั้น ต้องเป็นรถตอนเดียว และเครื่องแรง ๆ

และกระบะดอดจ์ที่มีขายเวลานี้ดันไม่มีรถเสปคเช่นที่ว่า ฝ่ายสำนักแต่งรถ "สกั๊งค์เวอร์ก" ของไครสเลอร์จึงเลือกที่จะเอาดอดจ์เอสยูวีรุ่นดูแรงโกซึ่งมีเครื่องเฮมิพลังมหาศาลมาหั่นท้ายแปลงเป็นกระบะแต่งแทน และเลือกใช้ชื่อว่า ดู้ด (dude) ซึ่งหากมาเมืองไทยก็น่าจะเรียกว่า ไอ้เกลอ อะไรเทือกนั้น

ดูจากภาพแล้วก็เข้าทีใช่เล่น

โครงรูปด้านหน้าและด้านหลังใหม่ โหลดระบบกันสะเทือนให้ต่ำ ลงท่อไอเสียคู่ ติดกระโปรงหน้าออกแนวดอดจ์แรมเอสอาร์ที 10 เสริมล้อบุดนิคขนาด 20 นิ้ว และระบายสีมุกส้มแทงเจอรีน

เมื่อผนวกกับเครื่องแปดสูบเฮมิอันทรงพลังเข้าไป มาดเข้ม ๆ อย่างนี้ ใคร ๆ ก็ต้องเหลียวหลังแลตาม พร้อมกับกลืนน้ำลายดังเอื้อก

บทความที่เกี่ยวข้อง : แต่งเชฟวีโคโลราโดให้คนน้ำลายหก , วอลโวเอ็กซ์ซี 90 พียูวี นิยามใหม่ของรถลุยแรง ๆ , เสริมหล่อให้โคโลราโดตัวลุย

เสริมหล่อให้โคโลราโดตัวลุย


Chevy Colorado LS SPO Accessorized แต่งแบบเรียบ ๆ ซ่อนพลัง Posted by Hello

ใครที่ไม่เคยชำเลือง รถกระบะตอนเดียวอาจต้องปรับพฤติกรรมใหม่ เมื่อได้ปะกับเชฟวีโคโลราโดคันนี้เข้า

คันแดงในภาพเป็นหนึ่งในโคโลราโดที่ถูกเชฟวีจับแต่งออกโชว์ในงานแสดงอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ SEMA ที่ลาสเวกัส ซึ่ง autoweek.com ไปเอามาให้ชมกัน


Chevy Colorado LS SPO Accessorized มุมด้านหลังที่ดูทะมัดทะแมง Posted by Hello

น่าเสียดายที่ไม่มีรายละเอียดเพิ่มเติมว่า โคโลราโดคันนี้ถูกปรับแต่งอะไรบ้าง แต่หากเป็นสไตล์อเมริกันแท้แล้ว รถแต่งจากเจ้าของสำนักเองมักไม่เล่นกันแค่เปลือกนอก ทว่ามักจะลงเครื่องเหนือธรรมดาเข้าไปด้วยอยู่เสมอ

ที่ autoweek.com มีภาพสวย ๆ ของรถค่ายจีเอ็มให้ชมอีกแยะ เชิญนะครับ

บทความที่เกี่ยวข้อง : แต่งเชฟวีโคโลราโดให้คนน้ำลายหก , ดอดจ์ดู้ด กระบะคม มาดเข้ม

Wednesday, November 03, 2004

ริดจ์ไลน์-กระบะตัวแรกจากฮอนด้าพร้อมลุย


Honda Ridgeline กระบะฮอนด้าตัวต้นแบบในงานแสดงอุปกรณ์แต่งรถที่ลาสเวกัสช่วงนี้ (ข้อมูลหลัก autoweek.com) Posted by Hello

แม้จะยังเอาตัวต้นแบบไปตระเวณโชว์ แต่ฮอนด้าได้ตั้งชื่อกระบะตัวแรกของตัวเองแล้วว่า ริดจ์ไลน์ (Ridgeline) โดยตัวจริงมีกำหนดจะออกเผยโฉมในงาน 2005 นอร์ทอเมริกันอินเตอร์เนชันแนลออโตโชว์ และมอนทรีออลอินเตอร์เนชันแนลออโตโชว์ ที่แคนาดาเดือนมกราคม 2005 นี้

ใครที่ลุ้นว่าฮอนด้าจะทำกระบะมวลชนแนวลุยสารพัดประโยชน์เพื่อทาบรัศมีบิกทรีของอเมริกัน คือ ฟอร์ดเอฟ-150 เชฟวีซิลเวอราโด และดอจ์ดแรม หรือแม้แต่จะแข่งกับสองเสือจากค่ายญี่ปุ่นด้วยกัน คือ โตโยต้าทันดรา หรือนิสสันไททัน ก็ต้องเลิกลุ้นกันละครับ

เพราะริดจ์ไลน์นั้นจะออกมาแนวสิงห์สำอาง หรือกระบะไฮโซ เหมือน ๆ กับลินคอล์นแบล็ควู้ดที่ออกมาเมื่อสี่ห้าปีที่แล้วและก็พับฐานไป หรือแคดิแล็คเอสเคเลดที่ไปได้เรื่อย ๆ อยู่ในตอนนี้ เพียงแต่ขนาดเล็กกว่า และราคาย่อมกว่า

กระบะฮอนด้านั้นมาในแบบสี่ประตู ขับเคลื่อนสี่ล้ออัตโนมัติ เน้นรูปงาม แรงดี และอรรถประโยชน์สูงจากกระบะท้ายเปิด โดยกำลังรถจะมาจากเครื่องหกสูบ 3.5 ลิตร เกียร์ออโต 5 สปีด พร้อมอุปกรณ์มาตรฐานอย่าง เอบีเอสสี่ล้อ ม่านถุงลมด้านข้าง และตัวช่วยการทรงตัวของรถ -Vehicle Stability Assist (VSA) พร้อมตัวกันล้อไถล

ริดจ์ไลน์เป็นกระบะที่มีโครงสร้างแบบยูนิบอดี้อย่างรถยนต์หรือเอสยูวียุคใหม่ แทนที่จะเป็นโครงสร้างแบบตัวถังบนเฟรมอย่างกระบะหรือเอสยูวีจอมลุยทั้งหลาย การเลือกโครงสร้างแบบนี้ก็พอจะประกันได้ว่า การขับขี่ควบคุมต้องแจ่มกว่าใครอื่นแน่

แม้จะเป็นกระบะ แต่ฮอนด้าตัวนี้วางที่นั่ง 5 ที่ เนื่องจากเป็นรถกระบะขนาดกลาง ทำให้มีความคล่องตัวสูง ชาวประชาที่จะเป็นเจ้าของก็ไม่ต้องกังวลเรื่องเข้าจอดลำบากในโรงรถปรกติ

ริดจ์ไลน์จะลงตลาดออกจำหน่ายปลายปี 2005 หรือต้นปี 2006 โดยตั้งเป้าอยู่ประมาณ 40,000 คัน

เห็นอย่างนี้ก็คาดหมายได้ไม่ยากว่า ฮอนด้ายังไม่พร้อมที่จะลุยงานใหญ่ อย่างที่นิสสันลงทุนไปกับไททัน หรืออย่างที่โตโยต้ากำลังเร่งสร้างโรงงานผลิตทันดราใหม่ในเท็กซัสในเวลานี้ แต่ฮอนด้าเลือกที่จะมุ่งเจาะตลาดเฉพาะ ซึ่งหากไปได้ดีก็คงแตกไลน์ในภายหลัง

ข้อมูลเพิ่มเติม :


Tuesday, November 02, 2004

เมอร์ซีเดสที่หรูและเซ็กซี่


Mercedes-Benz CLS นิยามใหม่ของความหรูจากเมอร์ซีเดส-เบนซ์ (ภาพ mercedes-benz.comข้อมูล : autoweek.com) Posted by Hello

การออกมาอวดโฉมของเมอร์ซีเดสเบนซ์รหัสซีแอลเอสของเดมเลอร์ไครสเลอร์ ทำให้วงการรถสับสนกับศัพท์แสงที่จะใช้เรียก เพราะหากมองเรือนร่างและเส้นสายอันโฉบเฉี่ยว ก็ดูคล้ายจะเป็นรถสปอร์ตคูปราคาแพง แต่เจ้าประตูทั้งสี่นั่นสิจะเป็นรถคูปไปได้อย่างไร เอ็มบีก็เลยเรียกเองซะว่า คูปสี่ประตู

และเจ้าคูปสี่ประตูนี่เอง คือ นิยามความหรูแนวใหม่ของค่ายตราดาว

ที่มาของเจ้าซีแอลเอส นั้นพิลึกใช่เล่น เรื่องของเรื่องได้ความมาว่า เมื่อสามสี่ปีที่แล้วมีการเล่าลือว่าฟอร์ดที่กำลังห้าวสุด ๆ ในยามนั้น คิดจะออกรถสปอร์ตหรูผ่านยี่ห้อแอสตัน มาร์ติน และแจกัวร์ที่ตัวเข้าครองอยู่ ทางเมอร์ซีเดสเบนซ์ซึ่งนอกจากจะต้องยกการ์ดกันค่ายบีเอ็มดับเบิลยู และออดี้จากเยอรมันชาติเดียวกันอยู่ตลอดเวลาแล้ว ก็ต้องหาวิธีหลบหมัดเด็ดจากค่ายอื่นด้วย ดังนั้นเมอร์ซีเดส-เบนซ์จึงแอบสร้างเจ้าซีแอลเอสไว้ต่อกร

แต่เมื่อเมอร์ซีเดสเผยคูปสี่ประตูคันนี้ขึ้นมาในงานแฟรงก์เฟิร์ตมอเตอร์โชว์เมื่อปีที่แล้ว การณ์ปรากฎว่าลูกกันของค่ายดาวสามแฉกนั้นกลับเป็นรถที่สร้างความฮือฮา และโดดเด่นแบบไร้คู่แข่งเสียนี่

เรื่องเครื่องยนต์และเทคโนโลยีนั้นไม่ต้องพูดถึง เพราะเมอร์ซีเดสเบนซ์มีอยู่เหลือกำลังตามแบบฉบับ แต่ที่กระชากตา กระชากใจผู้คนได้มากที่สุดก็คือ เรือนร่างอันหรูและเซ็กซี่ของตัวรถต่างหาก

ว่ากันว่า การเอาดีไซน์ออกหน้าวิศวกรรมของเจ้าซีแอลเอสนี้จะเป็นวิถีของเบนซ์ยุคใหม่ เพราะวิธีการสร้างรถโดยใช้ดีไซน์ครึ่งหนึ่ง-วิศวกรรมครึ่งหนึ่งที่สำนักเอ็มบียึดกันมาแต่เดิมนั้นชักจะไม่เวอร์กแล้ว เพราะรถที่หรูภูมิฐานนั้นมักจะถูกใจคนผมหงอกเสียส่วนใหญ่ แต่ลูกค้ายุคหน้านั้นเปลี่ยนไปชมชอบรถหรูและเท่ นั่นคือ เข้าทางซีแอลเอสพอดี

อาเสี่อ อาซ้อทั้งหลายครับ หากรสนิยมท่านหรูจริง รถเมอร์ซีเดสเบนซ์ของท่านต้องมีแนวเส้นไหล่ยก แนวบั้นท้ายสูง แนวขอบประตูโค้งขึ้นทั้งบนและล่าง และต้องแปะรุ่นซีแอลเอสด้วยถึงจะเด็ด

หรูและภูมิฐานแบบเดิมนั้นไม่พอแล้วนะครับ ต้องเซ็กซี่ด้วย

เบื่อซีวิค เซ็งแอคคอร์ด ลองขับฮอนด้าเจ็ทดูสิ


HondaJet ฮอนด้าที่บินได้ (ภาพ honda.co.jp, ข้อมูล forbs.com) Posted by Hello

สำหรับสาวกฮอนด้า ท่านเบื่อการขับซีวิค หรือแอคคอร์ดบ้างไหมครับ ถ้าชักจะเซ็ง ๆ แล้วละก็ อีกไม่นานท่านก็จะมีทางเลือกอีกทางหนึ่งแล้ว

คือ บินด้วยเครื่องบินเจ็ทเล็ก ๆ ส่วนตัวที่ใช้เครื่องยนต์จากฮอนด้า ในชื่อ ฮอนด้าเจ็ท

โดยฮอนด้าวางแผนไว้คร่าว ๆ ว่าจะลงตลาดในปี 2007 ในราคาประมาณ 300,000 เหรียญสหรัฐ ซึ่งตอนนี้ฮอนด้าจับมือกับพันธมิตร คือจีอี ผู้มีประสบการณ์เพียบเรื่องการทำเครื่องยนต์อากาศยาน พากันซุ่มเดินเครื่องการวิจัยและทดสอบอย่างขมักเขม้น

โครงการนี้ทาเคโอะ ฟูกุอิ ประธานของฮอนด้ามอเตอร์คนปัจจุบัน บอกว่าฮอนด้าบินได้เป็นสิ่งที่โซอิจิโร ฮอนด้าผู้ก่อตั้งบริษัทได้ฝันไว้ตั้งแต่สี่สิบปีก่อน และตอนนี้ฮอนด้าแบบใหม่ที่จอดได้ในโรงเก็บพาหนะส่วนตัวของประชาชี แล้วถูกขับออกไปบินกำลังจะเป็นจริง

และกำลังจะทำให้ความคิดของหลายต่อหลายคนที่อยากจะมีบ้านกลางป่า กลางเขา ริมทะเล ทว่าเดินทางมาทำงานในใจกลางมหานครไม่ใช่เรื่องจินตนาการอีกต่อไป

กับฮอนด้าเจ็ท ฮอนด้าวางแผนเดินตลาดทำนองเดียวกับกลยุทธ์การบุกยึดตลาดรถยนต์อเมริกันของตัวเองที่สำเร็จอย่างงามในอดีต นั่นคือ ทำอากาศยานที่เล็ก น้ำหนักเบา จิบน้ำมันน้อย ทนทาน ไม่จุกจิก และราคาไม่แพง

ในช่วงแรก ๆ ฮอนด้าประมาณว่าจะขายเครื่องยนต์อากาศยานนี้ในหลักไม่กี่ร้อยเครื่อง ซึ่งฟังแล้วก็ไม่น่าตื่นเต้นเท่าไร หากเทียบกับการที่ฮอนด้าขายแอคคอร์ดในแดนอเมริกาเหนือปีละกว่าสี่แสนคัน แต่ถึงตอนแรกจะเล็ก แต่ฟูกุอิ คนวัย 60 แต่ใจหนุ่ม บอกว่าเขาฝันไว้โอฬารทีเดียว เขาคิดไว้ตั้งแต่เด็กแล้วที่จะเห็นเครื่องบินส่วนตัวมีราคาพอ ๆ กับรถคันหรูคันหนึ่ง

การที่ฮอนด้าหันมาทำสิ่งบินได้นั้น หากดูในประวัติศาสตร์ก็จะไม่น่าแปลกใจอะไร เพราะผู้ที่เป็นหัวเรือฮอนด้าสองคนก่อนหน้าฟูกุอินั้นต่างเป็นนักวิศวกรรมการบินทั้งนั้น เรื่องของเรื่องก็คือ หลังจากสงครามโลกครั้งที่สองญี่ปุ่นโดนบีบให้เลิกทำเครื่องบิน ดังนั้นบรรดาผู้เชี่ยวชาญในการสร้างเครื่องบินประจัญบานซีโร่วันอันลือลั่น ก็พากันหันมาสู่วงการอุตสาหกรรมรถยนต์กันหมด และฮอนด้าเองก็จ้างบัณฑิตจากสาขาวิศวกรรมอากาศยานมาทำงานให้ตนจำนวนมาก ซึ่งแน่นอนจิตวิญญาณแห่งเครื่องบินย่อมแฝงมาด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย

ฮอนด้าที่ในตอนแรกมุ่งลุยยุทธจักรการผลิตมอเตอร์ไซค์ และหันมาผนวกการผลิตรถยนต์เพิ่มในตอนหลัง ก็ไม่เคยทิ้งการวิจัยด้านอากาศยาน เพียงแต่ทำเล็กหน่อย และเดินโครงการเงียบ ๆ เท่านั้น

งานนี้หากฮอนด้าเจ็ทผ่านการรับรองจากสถาบันที่เกี่ยวข้อง ก็เตรียมตัวเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการอากาศยานกันได้เลย เป็นต้นว่า เซ็นเซอร์ตรวจจับและติดตามแนวเส้นถนน ระบบเรดาร์ประเภทละเอียดยิบ ระบบการป้องกันเครื่องบินตก ฯลฯ

วิสัยทัศน์ของฮอนด้านั้นอยู่ตรงไหนของวงการอากาศยานปัจจุบัน ก็ลองวิเคราะห์ตารางข้อมูลข้างล่างกันดูนะครับ

เขาฝันกันไกล และกำลังจะไปกันถึงในชั่วระยะไม่นานแน่


ฮอนด้าเจ็ทเมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ในตลาดปัจจุบัน Posted by Hello

ข้อมูลเพิ่มเติม : honda.co.jp

Monday, November 01, 2004

มาสด้า 3 โฉมปี 2005



Mazda 3 รถเล็กหัวใจซูม...ซูม (ภาพและข้อมูลจาก triplezoom.com) Posted by Hello

เมื่อเอ่ยถึงรถยนต์ขนาดคอมแพ็คท์ นิยามในสมองของคนทั่วไป ก็คือ รถยนต์ราคาประหยัดที่มักเป็นรถยนต์คันแรกของหลายต่อหลายคน และมักถูกกระแนะกระแหนว่าเป็นรถจำพวกเอาไว้ขับไปจ่ายกับข้าว เพราะไม่ว่ามองในมุมไหนก็ไม่มีอะไรที่ชวนตื่นตาตื่นใจได้เลย หรือพูดสั้น ๆ ว่าจืดชืดสิ้นดี

ความรู้สึกในแนวนั้นเริ่มเปลี่ยนไปในปีที่ผ่านมา เมื่อมาสด้า 3 นำสีสันมาเขย่าตลาดรถไซส์เล็กได้อย่างน่าสนใจ

มาสด้า 3 กระชากใจผู้คนด้วยการให้มากกว่าที่คาด นั่นคือ คุ้มกับที่จ่าย ครึกครื้นในยามขับ ครึ้มใจเมื่อมอง และคึกคักขณะนั่งหลังพวงมาลัย

มาสด้าทำได้ด้วยการลงเครื่องยนต์ที่จัดจ้าน ทำภายในกว้างขวาง ออกแบบลงตัว และปรุงหน้าตา ขึ้นรูปร่างที่สวยเด่น

ข้อมูลที่จะเล่าเป็นภาคต่อเนื่องจากเสปคยุโรปที่ใกล้เคียงกับบ้านเราอันได้เล่าไปแล้ว ในตอนนี้จะเป็นรายละเอียดของมาสด้า 3 โฉมปี 2005 ในตลาดอเมริกา ซึ่งไม่มีอะไรต่างจากเดิมรุ่นปี 2004 นัก นอกจากลายล้อใหม่ เพิ่มสีรถใหม่ และมีวิทยุดาวเทียมซีรีอุสที่กำลังฮิตให้เลือก ที่จะเล่าก็เพื่อเรา ๆ ท่าน ๆ จะได้เทียบกับสิ่งที่มาสด้าไทยแลนด์กำลังนำเสนอในช่วงนี้

กำลังขับเคลื่อน
มีสองบล็อคคือ 2.0 ลิตร และ 2.3 ลิตร เป็นเอ็มแซดอาร์สี่สูบทั้งคู่ โดยแรงมาเป็นแนวเส้นตรง กินน้ำมันน้อย และคายของเสียต่ำ จับคู่กับเกียร์ออโต้ 4 สปีดคุมด้วยอีเล็คทรอนิคส์ หรือเกียร์แมนวล 5 สปีด

เพื่อลดการสั่นสะเทือนที่จะไปถึงผู้โดยสาร ที่ภาษาฝรั่งเขาเรียกว่า NVH (Noise Vibration Harshness) วิศวกรมาสด้าได้ตั้งในทำระบบขับเคลื่อนให้แกร่งขึ้น โดยเครื่อง 2.3 ลิตรนั้นทำจากอลูมินัมทั้งหมด ได้ทั้งความเบาและความแข็งแรง

ผู้ออกแบบขจัดต้นเหตุการสั่นสะเทือนโดยเลือกใช้ลูกสูบ และก้านน้ำหนักน้อย แทนการแก้ปลายเหตุด้วยการใส่วัตถุซับเสียง นี่เป็นหนึ่งในตัวอย่างของการเอาใจใส่ในรายละเอียด ที่ทำให้มาสด้า 3 เป็นรถยนต์ที่มีรูปลักษณ์ มีการขับ และให้ความรู้สึกดั่งรถราคาแพง

มาสด้า 3 รุ่นสี่ประตูมีลงทั้งสองเครื่อง แต่ในรุ่นห้าประตูลงเฉพาะเครื่อง 2.3 ลิตร โดยเครื่อง 2.0 ลิตรให้กำลัง 148 แรงม้าที่ 6500 รอบ ให้แรงฉุด 135 ปอนด์-ฟุตที่ 4500 รอบ รุ่นเกียร์ธรรมดามีอัตราสิ้นเปลืองในเมือง 12 กิโลเมตรต่อลิตร บนถนนไฮเวย์ 15 กิโลเมตรต่อลิตร ส่วนเกียร์ออโต้ก็ใกล้เคียงกัน

นอกจากนั้นหากใครที่รักสิ่งแวดล้อม ต้องการให้รถคายของเสียให้น้อยลง ก็อาจเลือกลงอุปกรณ์ Partial Zero Emission Vehicle (PZEV) ซึ่งจะยักย้ายท่อไอเสีย ยักเยื้องคาตาลิคคอนเวอร์เตอร์ และแปลงคำสั่งอีซียู ทำให้มาสด้า 3 พร้อมอุปกรณ์ตัวนี้เป็นรถที่ปล่อยไอเสียสะอาดกว่าใคร โดยสมรรถนะเครื่องแทบไม่ต่างจากเดิม

ส่วนเครื่อง 2.3 ลิตร ให้แรงม้า 160 ตัว ที่ 6500 รอบ และแรงฉุด 150 ปอนด์-ฟุต โดยมีความสิ้นเปลืองในเมือง 10 กิโลเมตรต่อลิตร บนถนนไฮเวย์ 13.6 กิโลเมตรต่อลิตร

ทั้งสองเครื่องยนต์ใช้สายพานโซ่ที่ไม่ต้องดูแล หรือเปลี่ยนบ่อยดังสายพานธรรมดา ส่วนท่อไอเสียเป็นเหล็กกล้าสเตนเลส ออกแบบให้หายใจออกสะดวกดาย

เกียร์ธรรมดาของมาสด้า 3 ถอดแบบจากรถสปอร์ตอย่างมิอาตะ หรืออาร์เอ็กซ์ 8 เป็นสิ่งประกันว่าโยกได้สนุกแน่ โดยระบบเกียร์ยังเคลือบเทฟลอนเพื่อลดการสั่นสะเทือนอีกต่างหาก

การขับขี่
มาสด้า 3 คือรถจ่ายกับข้าวหัวใจรถสปอร์ต จึงปรุงช่วงล่างหน้าแมคเฟอร์สันสตรัท ที่มีก้านขนาด 35 มิลลิเมตร พร้อมสปริงเด้งคืนในตัว ให้การขับขี่ดีขึ้นและเข้าโค้งได้แน่น ตัวช่วยอื่นที่ไม่เหมือนใครในลีกก็คือ ใช้บุชชิงแบบบรรจุของเหลวแทนที่จะเป็นบุชยางธรรมดาเพื่อลดเสียงถนน ลดการสะเทือนของช็อค และไม่กระทบต่อความรู้สึกของพวงมาลัย

นอกจากนั้นมาสด้า 3 ยังวางตำแหน่งสปริงและแดมเปอร์แยกจากกัน แยกกันทำงาน ให้รถนิ่งในทางตรง และเกาะในทางโค้ง

เฟรมของมาสด้า 3 นั้นแกร่งกว่าโปรตีเจ 40 เปอร์เซนต์ ทนต่อการบิดตัวสูงกว่า ทำให้ลงสปริง และแดมเปอร์ที่นุ่มกว่าเดิมได้ ส่งผลให้นั่งสบายขึ้น แต่ก็ยังให้การขับขี่ที่ดี

ตัวหยุดล้อของมาสด้า 3 เป็นดิสก์เบรคขนาด 11.8 นิ้วด้านหน้า 11.0 นิ้วด้านหลัง โดยมีเอบีเอสชนิด EBD (Electronic Brakeforce Distribution) เป็นตัวเลือกเพิ่มเติม

การออกแบบภายใน
มาสด้าตอบโจทย์คนใช้รถรุ่นใหม่ด้วยการทำภายในมาสด้า 3 ให้มิติกว้าง ยาว สูงไม่น้อยหน้าใครในกลุ่มเดียวกัน พร้อมกันนั้นก็ยกระดับความประณีต ความหรูมาใส่

พวงมาลัยของมาสด้า 3 นั้นขยับขึ้นลง ดึงเข้าชักออกได้ เพื่อตำแหน่งการขับที่สบาย พร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียงที่พวงมาลัยเพื่อความสะดวก

หากใครอยากหรูอีกนิดก็เลือกออพชันเบาะหนังมาลง

การใส่ใจในรายละเอียดของมาสด้านั้นเด่นชัดในการออกแบบภายใน เช่น ลิ้นชักเก็บของบริเวณคอนโซลหน้านั้นกว้างขนาดใช้เก็บคอมพิวเตอร์แล็บท็อปได้ทีเดียว และผู้ที่มักสะด้วบน้ำหวานอัดแก็สยามขับรถก็ต้องชมชอบที่วางกระป๋องวางขวดซึ่งมีอยู่ทุกมุม ส่วนผู้คนประเภทบ้าหอบฟาง พิศมัยการแบกกระเป๋า ลากสัมภาระไปเที่ยวมาก ๆ มาสด้า 3 ห้าประตูที่พับเบาะหลังได้เกือบราบ ย่อมรับมือได้อย่างดี

การออกแบบภายนอก
เมื่อภายในแจ่ม ภายนอกก็ต้องจ๊าบเข้ากันแบบเดียวกับมาสด้า 6 และอาร์เอ็กซ์ 8 ที่ขึ้นชื่อ โดยมาสด้า 3 เน้นที่ช่องว่างระหว่างรอยต่อตัวถังที่เล็กกว่า และวางแนวเท่ากันเป๊ะ ซึ่งอาศัยการออกแบบด้วยการจำลองเสมือนจริงในคอมพิวเตอร์เข้าช่วย

เรือนร่างมาสด้า 3 ได้สัดส่วนจากฐานล้อที่กว้าง ส่วนยื่นด้านหน้าล้อสั้น กระทะล้อใหญ่ กราบและคิ้วที่คมเข้ม ทำให้ได้มุมมองที่งามแบบสปอร์ตคล้าย ๆ รถคูป

ความปลอดภัย
ในการทดสอบการล้มกลิ้งโดยหน่วยบริหารความปลอดภัยจราจรทางหลวงของสหรัฐปีที่ผ่านมา มาสด้า 3 ติดอันดับ 3 จากรถทั้งหมด 68 คัน ทั้งยังได้คะแนนดีจากการทดสอบชนด้านหน้า และด้านข้าง โดยข้อดีนี้ได้มาจากโครงสร้างความปลอดภัยชนิด three-fork safety structure และพวงมาลัยที่ยุบตัวไปด้านหน้ายามเกิดอุบัติเหตุ รวมทั้งแป้นเบรค-คันเร่งที่ยุบตัวได้เช่นกัน นอกจากนั้นหากยังไม่พอจะเลือกลงถุงลมข้าง ติดม่านถุงลมเพิ่มก็เลือกได้

ครับ ใครที่คิดควักกระเป๋าหามาสด้า 3 มาขับ ก็ลองเทียบดูว่าเจ้า 3 ที่จะออกขายในตลาดเมืองไทยนั้นมาแนวไหน แต่ที่ชัวร์ ๆ มาสด้าคันนี้ไม่จืดชืดเป็นรถจ่ายกับข้าวแน่

บทความที่เกี่ยวข้อง : มาสด้า 3 - ชิมลางรถที่หลายคนรอคอย (เสปคยุโรป)

โปรตอนจัมบัค กระบะมาเลเซีย


Proton Jumbuck กระบะมาเลย์คันเล็ก ( ภาพและข้อมูล carpages.co.uk ) Posted by Hello

โปรตอนจัมบัคคันนี้ เป็นรถกระบะคันแรกจากบริษัทรถมาเลเซียเพื่อนบ้านของเรา ออกมาเมื่อปี 2003 โดยใช้แชสซีร่วมกับโปรตอนวีระ

จัมบัค คือ กระบะคันเล็กที่ประมาณว่าเป็นเพื่อนนิสสันเอ็นวีได้ โดยหลังจากลุยตลาดในมาเลเซียเอง และออสเตรเลียสำเร็จแล้ว มาถึงปีนี้ก็ขอบุกอังกฤษบ้าง

เครื่องยนต์ของจัมบัคนั้นเป็นเบนซิน 1.5 ลิตร หรือจะเลือกเป็นเบนซินควบแกสธรรมชาติก็ได้ ซึ่งคิดเพิ่มไม่ถึงพันปอนด์

ค่าตัวของเจ้าจัมบัค มีราคาไล่ตั้งแต่ประมาณหกพันปอนด์จนถึงเจ็ดพันเศษ ๆ

ในบทความการทดสอบของ carpages.co.uk ก็ออกมาดีพอใช้ ทว่าหน้าตาของเจ้าจัมบัคนี่ก็ยังคงเค้ามิตซูรุ่นเก่าอยู่เช่นหลาย ๆ ตัวของโปรตอน

Sunday, October 31, 2004

ฟอร์ดเรนเจอร์,ฟอร์ดโฟกัส รถปลอดภัยต่ำ


Ford Ranger รถที่เขาว่าล้มกลิ้งง่าย (ข้อมูล : freep.com, cars.com, cnn.com) Posted by Hello

สำนักบริหารความปลอดภัยจราจรทางหลวงแห่งชาติสหรัฐได้ประกาศผลการทดสอบความปลอดภัยของรถอีกระลอก

โดยผู้ที่โดนเข้าไปเต็ม ๆ ว่าแย่ คือ ฟอร์ดโฟกัส 2 ประตู และฟอร์ดเรนเจอร์ขับสี่

ผลการทดสอบบ่งว่า ผู้ที่นั่งเบาะหลังของฟอร์ดโฟกัสนั้นมีความเสี่ยงอันตรายสูงในยามรถโดนชนจากด้านหน้า หรือด้านข้าง

ส่วนฟอร์ดเรนเจอร์ และแฝดมาสด้าบีซีรีส์ขับสี่นั้น ได้มาแค่สองดาวจากห้าในการทดสอบความเสี่ยงต่อการล้มกลิ้ง นั่นคือ เมื่อรถชนกัน ฟอร์ด/มาสด้าคันนี้มีโอกาสตะแคงหงายถึง 30 เปอร์เซนต์ ซึ่งแย่ที่สุดในบรรดากระบะรุ่นปี 2005 จำนวน 10 คัน ที่เข้าทดสอบ

ทางด้านกระบะเจ้าอื่นยังพอได้ยิ้ม เพราะไม่ว่าจะเป็นขับสอง หรือขับสี่ ของเชฟวีโคโลราดี/ยีเอ็มซีแคนยอน และดอจ์ดแรม ได้มาสี่ดาวจากการทดสอบแบบเดียวกันกับเรนเจอร์

ส่วนรถที่ได้ชื่อว่า ปลอดภัยต่อผู้โดยสารมากที่สุด คือ ซูบารุเอาท์แบ็ค ซึ่งได้มาห้าดาวเต็ม ๆ ในทุกเกณฑ์ แม้ว่าจะเป็นรถในกลุ่มเอสยูวี ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นกลุ่มรถที่ปลอดภัยต่ำกว่ารถนั่งก็ตามที

เห็นข่าวแล้วก็ไม่น่าแปลกใจเท่าใดใช่ไหมครับ เพราะเรนเจอร์ตัวนี้คือ คันที่เป็นแม่แบบในการนำไปสร้างเป็นฟอร์ดเอ็กซ์พลอเรอร์รุ่นแรกที่มีปัญหารถกลิ้งแบบผิดปรกติยามเจออุบัติเหตุ ทำให้ฟอร์ดโดนฟ้องต้องขึ้นโรงขึ้นศาลไปนับคดีไม่ถ้วน

อีกเจ้าที่เคยเจอพิษผลการทดสอบของหน่วยงานรัฐเจ้านี้ เท่าที่จำได้ คือ อีซูสุทรูเปอร์ ตอนนั้นเล่นเอารถขายไม่ออก และราคาขายต่อตกกราวรูดกันทีเดียว

สำหรับบ้านเรา คงเป็นเพราะหน่วยงานของรัฐไม่ไยดีที่จะทำการเข้มงวดคุณภาพรถอย่างบ้านเมืองอื่นเขา ชาวประชาเลยทำการทดสอบเสียเองโดยเอารถไปล้มกลิ้งจำนวนมากในยามเทศกาล แทบจะคู่กับประเพณีสงกรานต์ และปีใหม่ไปแล้ว แต่เราไม่ค่อยโทษรถกัน ไปลงที่แอลกอฮอล์มากกว่า

ข้อมูลเพิ่มเติม :


บีเอ็มดับเบิลยูซีรีส์ 3 ตัวใหม่ มีดีกว่าเดิม


New BMW 3 Series (ภาพและข้อมูล mwerks.com) Posted by Hello

ใครต่อใครก็พากันเม้าท์ถึงเจ้า 3 ตัวใหม่กันอย่างคึกคัก จะให้ทางเอ็มเวอร์กส์ดอทคอมสาวกตัวกลั่นนั่งเงียบอยู่อย่างไร

พี่ท่านจึงออกมาเปิดปากว่า บิมเมอร์ 3 ตัวนี้ สมรรถนะเยี่ยม ปลอดภัยยอด และนั่งสบายสุด สมกับมาตรฐานที่ขึ้นชื่อไปทั่วโลกของสำนักใบพัดสีฟ้า

โดยจุดเด่น ๆ ที่มองเห็นของซีรีส์ 3 ใหม่ คือ

เครื่องยนต์ - เครื่องหกสูบ 3 ลิตรที่ใหม่หมดจดนั้น ได้หันไปใช้แมกนีเซียมน้ำหนักเบาแต่แข็งแรงมาช่วยลดมวลในหลาย ๆ จุดของเครื่องยนต์ และเพิ่มแรงขึ้นอีก 30 ม้า เป็น 255

ว่ากันว่านี่เป็นการใช้แมกนีเซียมซึ่งเบากว่าอลูมินัมอยู่ 30 เปอร์เซนต์ ครั้งแรกในเครื่องยนต์รถตลาด

นอกจากนั้นยังเป็นครั้งแรกที่บีเอ็มเลือกใช้เทคโนโลยีวาล์วโทรนิคลงในเครื่องหกสูบ โดยวาล์วแปรผันตัวนี้ ให้ม้าเพิ่ม 13 เปอร์เซนต์ แต่ซะด้วบน้ำมันน้อยลง 12 เปอร์เซนต์

ระบบเกียร์ - และตามสูตรของรถที่มีชื่อด้านสมรรถนะ ต้องมีเกียร์แมนวลให้โยกเองถึงจะถูกใจฮาร์ดคอร์ ซีรีส์ 3 ใหม่ก็มากับเกียร์ 6 สปีด หรือหากจะเลือกออโต้ ก็มีเสต็ปโทรนิคให้เล่น

ระบบช่วงล่างและการขับขี่ควบคุม - เมื่อพูดถึงบีเอ็มเรื่องช่วงล่างและการขับขี่ย่อมไม่ธรรมดา เจ้า 3 ยังคงยึดวิถีอันสร้างชื่อเสียงมานมนาน คือ เครื่องวางตามแนวยาว ขับเคลื่อนล้อหลัง โดยสมดุลน้ำหนักหน้า-ท้าย อยู่ที่ 50-50 และเติมระบบกันสะเทือนหน้าเป็นของทำใหม่ไพวอทคู่ ปรุงจากอลูมินัม ส่วนกันสะเทือนหลังแบบไฟว์ลิงค์เข้าไป

เรียกว่า บาวาเรียนมอเตอร์เวอร์กเฝ้ายกระดับการเป็นรถนั่งที่มีการขับขี่ดีที่สุดในโลกเอาไว้ เพื่อให้ชื่อเสียงนั้นอยู่กับตัวไปตลอด

การตอบสนองของพวงมาลัย - ซึ่งคราวนี้ซีรีส์ 3 ก็ทำตัวเป็นเจ้าแรกในรถระดับเดียวกันที่มีออพชันเป็นพวงมาลัยแบบแอ็คทีฟเสตียริงให้เลือก โดยไม่ว่าจะขับช้า หรือควบเร็ว พวงมาลัยก็ตอบสนองได้เนียนสมใจคนขับ ไม่เท่านั้นหากมีการกระทืบเบรกแรง ๆ ระหว่างการแล่นบนพื้นผิวอันตรายอย่างเช่น โคลน น้ำแข็ง หรือหิมะ ระบบแอคทีฟเสตียริงจะเข้ามาแทรกช่วยทำงานรักษาความปลอดภัยอีกด่านด้วย

ระบบควบคุมการทรงตัวแบบไดนามิค (DSC) - มีระบบการรักษาจานเบรกให้แห้ง โดยทำงานสัมพันธ์กับการใช้งานของตัวตรวจวัดฝน หรือการใช้งานของที่ปัดน้ำฝน มีระบบเบรกแบบพร้อมทำงาน ที่ฝรั่งใช้คำว่าแสตนด์บาย เพื่อช่วยลดระยะเวลาการตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉิน โดยเมื่อใดที่ผู้ขับยกเท้าออกจากคันเร่งฉับพลัน ระบบนี้ก็เข้าโหมดพร้อมออกศึก และมีระบบช่วยป้องกันรถไหลถอยลงเนิน เมื่อสตาร์ทรถ โดยไม่ต้องแตะเบรก หรือดึงเบรคมือแต่อย่างใด

ออกแบบเป็นรถนั่งสปอร์ตที่หาผู้ใดทาบยาก - การออกแบบหน้าตาของซีรีส์ 3 นั้นเด่น ลื่นไหล และหรู วางตัวกลาง ๆ ระหว่างความสปอร์ตของแซด 4 กับ ความหรูของซีรีส์ 7

ตัวถังเบาลง แข็งแรงขึ้น และปลอดภัยกว่า - ในตัวถังที่ใหญ่กว่าเดิม บริเวณจุดเชื่อมต่อ และโครงแนวขวางได้ถูกเน้น ให้รถแข็งแรงขึ้น 25 เปอร์เซ็นต์

เป็นซีรีส์ 3 ที่ปลอดภัยที่สุด - เพราะบรรทุกถุงลมมาเพียบทั้งด้านหน้าของคนขับ และผู้โดยสาร หรือสำหรับช่วงลำตัวด้านข้าง หรือในส่วนหัวในรูปของม่านนั้นด้วย

ไฟท้ายสว่างกว่าเดิม และส่งแสงในพื้นที่กว้างกว่า หากกระทืบเบรคแรง ๆ ส่วนยางที่แม้จะไร้ลมก็ยังขับต่อได้ (runflat) กว่า 3 ชั่วโมง ก็มาเป็นมาตรฐาน ส่วนไฟหน้าซีนอนแบบตอบสนองต่อการเลี้ยวนั้นมาเป็นออพชัน

การออกแบบด้านใน - ออกแนวโมเดิร์นตามดีไซน์ของบีเอ็มรุ่นใหม่ ๆ ภายในกว้างขึ้น หรูขึ้น ใครที่ชอบการควบคุมแบบไอไดรฟ์ก็มีให้

ระบบการใช้รถไร้กุญแจ (ออพชัน) - พกแค่ไอดีเซ็นเซอร์ในกระเป๋า โดยไม่ต้องแตะตัวไอดีเซ็นเซอร์ใด ๆ ทั้งสิ้น แล้วก็เดินเข้ารถ กดปุ่มสตาร์ทออกตัวรถได้เลย (เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหนีการไล่ล่าเสียจริง) นอกจากนั้นรถยังเตรียมตำแหน่งที่นั่ง ตำแหน่งกระจก ปรับอากาศ และช่องสถานีวิทยุ ที่ตั้งล่วงหน้าไว้ให้ตามใจชอบของผู้ขับด้วย

ความบันเทิงและข้อมูลแบบหรูหรา - ระบบนาวิเกชันบนฐานของดีวีดี ระบบเครื่องเสียง เอเอ็ม/เอฟเอ็ม/ซีดี/เอ็มพี3 ที่อัพเป็นเครื่องเสียงรอบทิศทางแบบ ล็อกจิก7 ของซีรีส์ 7 ได้ หรือจะเพิ่มวิทยุดาวเทียมแบบซีรีอุส ที่กำลังฮิตก็ทำได้

ครับ อ่านบทความของเอ็มเวอร์กส์แล้วก็เหมือนอ่านโบรชัวร์โฆษณา แต่ว่าผมเลือกที่จะเอามาเล่าในที่นี้ ก็เพื่อเราจะได้รู้ว่ารถที่เขาว่าดีนั้นมีดีอะไรบ้าง

ส่วนคนที่เตรียมเซ็นเช็คซื้อนั้น ก็ไม่ต้องคิดนะครับว่ารถเทคโนโลยีสูงแบบนี้เมื่อระบบอีเล็คทรอนิคส์รวนจะเกิดอะไรขึ้นกับกระเป๋าสตังค์ของท่าน จะใช้ของดีก็ต้องมีดีเข้าแลกใช่ไหมครับ

บทความที่เกี่ยวข้อง : ห้องแสดงภาพซีรีส์ 3, บีเอ็มดับเบิลยูซีรี่ส์ 3 ใหม่

มิตซูแลนเซอร์อีโวลูชันเทียบขั้นพอร์ช และแลมเบอร์กินี


Mitsubishi Evo VIII MR FQ-400 (ภาพและข้อมูล : topgear.com) Posted by Hello

มิตซูบิชิส่งตัวซ่าพิเศษในตระกูลอีโวออกมาอีกแล้ว คราวนี้ว่ากันว่ามีศักยภาพที่จะวิ่งคู่พอร์ช คาเรร่าจีที พากานี ซอนดา หรือ แลมเบอร์กินี เมอซีลาโก นั่นเชียว

โดยแลนเซอร์ตัวจี๊ดนี้ คือ อีโว VIII เอ็มอาร์ เอฟคิว400 และอย่างที่ชื่อใบ้ไว้ เจ้าตัวเล็กยัดม้าไว้กว่า 400 ตัว

ศักยภาพของเครื่องสองลิตรใต้ฝากระโปรงคุณน้องนั้น เหลือกำลังจริง ๆ เป็นต้นว่า มีแรงม้าที่ 405 ตัว แรงฉุด 355 ปอนด์-ฟุต กระโจนจาก 0 ไปยัง 62 ไมล์ต่อชั่วโมงได้ในชั่ว 3.5 วินาที และสปีดสูงสุดกว่า 175 ไมล์ (หรือกว่า 280 กิโลเมตร) ต่อชั่วโมง

นอกจากเครื่องยนต์ ระบบเบรกของ อีโว VIII เอ็มอาร์ เอฟคิว400 ที่แจ่มอยู่แล้วถูกปรับให้จ๊าบไปอีกนิด บวกกับการปรุงเส้นสายลำตัวเล็กน้อยเพื่อให้ลมวิ่งผ่านกายดีขึ้น และแม้จะเน้นสมรรถนะ แต่ประตู กระจกไฟฟ้า ระบบปรับอากาศก็ยังคงมีอยู่

หากผู้ใดคิดสั่งมาขับ รับรองว่าจะเท่หาคนเหมือนได้ยากแน่ เพราะมิตซูสร้างมาแค่ 100 คัน ในราคา 46,999 ปอนด์

บทความที่เกี่ยวข้อง : มิตซูบิชิแลนเซอร์อีโวลูชันเอ็มอาร์