Wednesday, December 15, 2004

บีเอ็มซีรีส์ 1 รถขยะ ?


BMW 1 Series รถคันเล็กจากบีเอ็ม ที่ถูกเจอรมีจับขึ้นเขียง (ภาพจาก mwerks.com)

นาน ๆ ทีที่เราจะได้อ่านบทความของคอลัมนิสต์ปากจัด และวิพากษ์วิจารณ์บริษัทรถอย่างไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม

ถ้าจะมีใครเรียกบีเอ็มซีรีส์ 1 ว่าเป็นเศษขยะ เศษกระป๋อง หนึ่งในนั้นก็คือ เจอรมี คลากสันแห่งเดอะ ซันเดย์ ไทม์ของเมืองอังกฤษนี่แหละ

เจอรมีเริ่มบทความโดยการยกประวัติและสรุปภาพรวมของบีเอ็มได้อย่างกระชับและน่าสนใจ

นั่นคือ แกเคยยกให้บีเอ็มดับเบิลยูเป็นดุจนักแม่นปืนแห่งวงการรถยนต์ โดยมีจุดเด่นจากการดีไซน์และวิศวกรรม ขณะที่บริษัทอื่นลากรถถังขลุกขลัก ดันปืนกลกระพร่องกระแพร่ง ยิงผิดยิงถูก แต่บีเอ็มเหนี่ยวไกทีไรเป็นโดนทุกที

30 กว่าปีมาแล้ว ที่บีเอ็มวางมือจากการผลิตรถสามล้อ และรถแวนส่งไปรษณีย์ หันมาสร้างความสำเร็จทั่วโลก ด้วยสูตร- รถทุกคันมีไฟหน้าสองคู่ มีเครื่องหกสูบเรียงวางกลาง และขับเคลื่อนจากล้อหลัง ตัวถังรถก็มีอยู่สามแบบ กับเครื่องยนต์ห้าตัว พร้อมกับอุปกรณ์เสริมให้ลูกค้าได้เลือกสรร

นั่นคือ หากอยากจะได้รถเล็ก ๆ เครื่องใหญ่ ไร้อุปกรณ์ก็มีให้ หรือจะเอารถใหญ่ เครื่องเล็ก ระบบไฟฟ้าเพียบก็หาได้

และไม่ว่าจะเลือกตัวเลือกใด สุนทรีย์แห่งการขับขี่ในแบบบาวาเรียนมอเตอร์เวอร์กก็มีมากับทุกคัน

ดูเหมือนความหลังดี ๆ จะหมดอยู่แค่นี้ เมื่อเอ่ยถึงเรื่องบีเอ็ม "เปี้ยนไป๋"

จุดเปลี่ยนนั้นอยู่ที่ การโยนสูตรนักแม่นปืนทิ้ง แล้วหันไปสร้างรถขับสี่ ผลิตในอเมริกา ทำรถสองที่นั่ง หรือใส่เครื่องดีเซล และที่สำคัญโยนเรื่องการออกแบบให้กระทาชายนายคริส เบงเกิล

ดูท่าไอ้นายจะไม่ชอบสไตล์ใหม่ของบีเอ็มอย่างหนักข้อ ถึงกับบอกว่าดูดีแต่ในกระดาษดีไซน์ แต่เมื่ออยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงนั้น ไม่ได้ดูโมเดิร์น หรือเฉียบ แต่ดูโง่

ที่เจอรมีไม่ถูกใจมาก ๆ เห็นจะเป็นการมาของบีเอ็มซีรีส์ 1 อันเจอร์มีถึงกับบอกว่าเป็นรถที่มาทำลายแบรนด์บีเอ็ม

จากการทดลอง/ทดสอบขับ แกเอ่ยว่า ซีรีส์ 1 ยังมีข้อดีที่สืบอยู่ในสายเลือดบีเอ็มอยู่อย่างหนึ่ง คือ การเป็นรถขับหลัง ทำให้มีแรงส่งดี พร้อมกับทำให้รถมีสมดุลเหมาะเจาะ และการตอบสนองพวงมาลัยที่เป็นยอด มีช่วงตบเกียร์สั้นในแบบบีเอ็มก็ยังคงอยู่

ทั้งหมดนี้ทำให้การขับขี่ของเจ้า 1 มีดีกว่ารถท้ายกุดทั่ว ๆ ไป

ทว่า ดูเหมือนคำหวานจะหมดกระปุกอยู่ที่ตรงนี้ เพราะแกบอกว่าเรื่องร้าย ๆ นั้นมีเยอะ และมีมากกระทั่งผู้คนควรจะควักกระเป๋ากับคันอื่นเสียดีกว่า

อย่างแรก หน้าตา ซึ่งแกบอกว่า มันโคตรเห่ยเสียนี่กระไร (สงสัยแกไม่เคยเห็นปอนเตี๊ยกเอ็ทเซ็ค หรือซางยองโรเดียส) ดูไปก็ไม่ต่างจากรถแวน

อย่างสอง เครื่องยนต์ อ่า เครื่องเบนซินของเจ้า 1 นั้นวิ่งจาก 0-100 ใช้เวลาสองชั่วโมง (แกใช้คำนี้จริง ๆ) เพราะฉะนั้นเหตุผลของการหารถบีเอ็มมาขับของคนทั่วไปก็จบกัน เพราะไม่มีเรี่ยวแรงอันใด ถ้าจะหาความแรงก็ต้องเลือกเครื่องดีเซล แต่ใครจะอยากควบบีเอ็มดีเซลที่ส่งเสียงดั่งเรือหางยาว

นอกจากนี้รถที่น่าเกลียดและช้า ยังหาที่ข้างหลังใส่ของ ใส่คนแทบไม่ได้ แม้ว่าบีเอ็มจะชูจุดขายให้แก่คนโสดก็ตาม แต่คนโสดที่ไหนจะมองรถครอบครัวท้ายกุดแบบนี้

อย่างต่อไปก็คือยางรัน-แฟลตที่ให้มา อันไม่เหมาะกับถนนที่ไหนเลยนอกจากผิวหน้าท็อปในครัว

และที่แย่ที่สุดในสายตาของเจอรมี คือ ราคาแพง ซึ่งที่ผ่านมานั้นบีเอ็มแต่ละรุ่นต่างแพงเพราะมีดีสมตัว แต่นี่ห่วยแล้วยังแพงอีก

หากใครซื้อไปแล้ว มีเพื่อนบ้านหันมามองดูนั้น เขาไม่ได้ชื่นชมกันหรอกว่า โอ้โฮ ขับรถหรู แพงแฮะ แต่ที่เขากันคิดในใจคือ กอล์ฟจีทีไอที่ดีกว่าทุกอย่าง นั้นถูกกว่านะเว้ย

หรือถ้าหากต้องการรถท้ายกุด ก็ไปซื้อฟอร์ดโฟกัสก็สิ้นเรื่อง แต่หากยังอยากได้ท้ายกุดแรง ๆ ก็วิ่งไปโชว์รูมโฟล์คสวาเก้น ส่วนหากพิศมัยรถสปอร์ตก็ไปเลือก ฮอนด้าเอส 2000 นั้นยังดีกว่า

คอลัมนิสต์นามเจอรมี ตบท้ายด้วยประโยคที่ว่า "สรุป - บีเอ็มซีรีส์ 1 นี่มัน crap"

เอ่อ อ่านเอามันส์นะท่าน อย่าอินมาก เพราะบีเอ็มยุคเบงเกิลที่มีหน้าตาประเภทไม่รักหนักก็เกลียดเข้าไส้นั้น มันแบ่งคนที่ได้สัมผัสบีเอ็มออกเป็นสองขั้วจริง ๆ

ที่มา : driving.timesonline.co.uk