Friday, November 19, 2004

ไครสเลอร์ 300 รถยอดเยี่ยมแห่งปี 2005


Chrysler 300 รถยอดเยี่ยมแห่งปี 2005

รถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี 2005 หรือ Car of the Year ของนิตยสารมอเตอร์เทรนด์ คือ ไครสเลอร์ 300

มอเตอร์เทรนด์นิตยสารรถที่เจ้าตัวอ้างว่าเป็นเบอร์หนึ่งของโลก ได้ชูมือไครสเลอร์ 300 ให้เป็นรถยอดเยี่ยมแห่งปี 2005 รางวัลที่ใหญ่ที่สุดในวงการรถยนต์ไปครอง

บรรณาธิการของมอเตอร์เทรนด์บอกว่า ไครสเลอร์ 300 นั้นชนะรถอีก 24 คันที่ออกใหม่หรือปรับโฉมออกสู่ตลาดในวันที่ 1 มกราคม 2005 ด้วยส่วนผสมของพลังเครื่องยนต์แรง ๆ การตอบสนองต่อการขับขี่ดี ภายในกว้างขวาง และตัวรถประณีต แถมยังเป็นรถที่ออกมาเขย่าวงการได้อย่างโดดเด่น และตั้งราคาคุ้มค่าคุ้มเงิน

มอเตอร์เทรนด์ชมไครสเลอร์ 300 ว่าหยิบความเป็นอเมริกันมาสร้างสรรค์ได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาที่คมคายดุดัน ใหญ่โต ฉีกแนวชาวบ้าน ผสมกับสมรรถนะ การเกาะถนน และความประณีตระดับโลก ซึ่งก็ใช่ครับ เพราะมันคือเมอร์ซีเดส-เบนซ์อีคลาส ลงเครื่องและกระดองอเมริกัน

ในบรรดารถที่ถูกจับไปทดสอบเพื่อคัดเลือกรางวัลนี้ได้แก่ Acura RL, Audi A6, BMW 6 Series, Buick LaCrosse, Cadillac STS, Chevrolet Corvette, Chrysler 300, Dodge Magnum, Ford Five Hundred, Ford Mustang, Honda Accord Hybrid, Honda Odyssey, Kia Amanti, Kia Spectra, Lotus Elise, Mazda 3, Mercedes-Benz SLK, Mercury Montego, Pontiac G6, Porsche 911, Saab 9-2x, Scion tC, Subaru Legacy and Volvo S40/V50

ซึ่งหากผู้ใดสนใจจะดูภาพ ดูรายละเอียดเบื้องหลังการทดสอบก็แวะไปดูที่นี่ได้ครับ


เขาบันทึกภาพและเล่าเรื่องราวได้สนุกจริง ๆ การคัดเลือกของมอเตอร์เทรนด์นั้นเขาให้น้ำหนักที่สามเกณฑ์นี้คือ Significance, Superiority, and Value หรือหากถอดเป็นภาษาไทยก็คงเป็น ความโดดเด่นของการออกแบบและความก้าวหน้าของเทคโนโลยีต่อตลาดรถหนึ่ง ความเหนือกว่าคู่แข่งอีกหนึ่ง และความคุ้มค่าคุ้มเงินอีกหนึ่ง

การทดสอบของเขานั้นไม่ได้เอาเสปคมาวัดกันบนกระดาษนะครับ เขาเอารถทั้ง 24 คันนั้นไปให้กลุ่มกรรมการทำการทดสอบกันเป็นพันไมล์ ไม่ว่าจะบนแทร็คสนามแข่ง บนถนนจริง ลองวิ่งทุกสภาพอากาศ พิจารณาถึงหน้าตา การออกแบบ ความประณีตของวัสดุที่ใช้ ความเนียนของการประกอบ ประเมินทั้งเทคโนโลยี และวิศวกรรม ดูถึงภายในของรถ ระบบความปลอดภัย สมรรถนะ และราคา เทียบกันถึงการตอบสนองของรถต่อถนน ต่อคนขับ ความสมดุล และกำลัง

มอเตอร์เทรนด์ซึ่งนอกจะทำนิตยสารที่ขายดีมาก ๆ แล้ว ยังมีรายการทีวีที่ทำได้น่าสนใจมีผู้ชมเยอะด้วย หากใครขี้เกียจอ่านบนอินเตอร์เน็ตก็หานิตยสารมอเตอร์เทรนด์ฉบับมกราคม 2005 มาดูได้ หรือใครมีช่องทางดูทีวีเขาได้ก็น่าลอง

ส่วนท่านที่สนใจข้อมูลเชิงลึกของไครสเลอร์ 300 ผมว่าที่เอ็ดมุนส์เขาทำไว้ดีครับ ดูได้ที่นี่

เนื่องจากเรา ๆ ท่าน ๆ ก็ได้แต่อ่านจากแหล่งข่าว ไม่รู้ว่าผลที่ออกมาไปตรงใจ หรือขัดใจใครบ้างหรือเปล่าครับ ผมเองแอบลุ้นบีเอ็มซีรีส์ 6 กับดอดจ์แม็กนัมคู่แฝดของไครสเลอร์ 300 นี่แหละ

ที่มาและข้อมูล : motortrend.com

แกลดิเอเตอร์-จี๊ปใหม่ย้อนยุค


Jeep Gladiator รถต้นแบบใหม่แนวย้อนยุค

จี๊ปรถที่มีภาพลักษณ์ของการลุยไหนลุยนั่นบ่ยั่นใคร พร้อมกับหน้าตาที่สวยคลาสสิคเป็นเอกลักษณ์ ได้ปัดฝุ่นเอาของดีแต่เดิมมาใส่ในรถต้นแบบใหม่ ไล่มาตั้งแต่ชื่อแกลดิเอเตอร์ที่ยกมาจากจี๊ปยุค 60 และรูปทรงเส้นสายที่นำมาจากจี๊ปคอมแมนเชยุค 80

แกลดิเอเตอร์ตัวต้นแบบนี้ใช้เครื่องดีเซลสี่สูบ 2.8 ลิตรคอมมอนเรลเทอร์โบที่ลงในลิเบอร์ตี้ ซึ่งให้แรงม้า 163 ตัว และแรงฉุด 295 ปอนด์-ฟุต

แม้ว่าจี๊ปตั้งใจจะทำออกโชว์ในงานดีทรอยท์ออโตโชว์โดยเฉพาะ และแววที่จะทำออกขายจริงนั้นมีน้อย แต่ก็ยังได้ลุ้นกันอยู่บ้าง หากจี๊ปจะปรับตัวต้นแบบให้เข้าแนวได้กว่านี้

อย่างไรก็ดีเมื่อเห็นเจ้าแกลดิเอเตอร์นี้ ดูแล้วก็เพลินตาว่าไหมครับ

จี๊ปเลือกสีรถก็ให้อารมณ์ป่าอารมณ์ลุยได้ดี ไม่ต้องพูดถึงล้อโต ๆ หรือหน้าตาที่สมส่วน น่าเกรงขาม มองเผิน ๆ ก็เหมือนเจ้าวิลลี่ที่ถูกส่งไปทำงานในไร่กลางป่ากลางดงจนเรือนร่างสะโอดสะอง มีมัดกล้ามขึ้นพองามไม่น่าเกลียดอย่างนักเพาะกาย แล้วโดนแมวมองจับมาเข้าสปาขัดสีฉวีวรรณ ส่งขึ้นเวทีเดินโชว์อย่างไงอย่างงั้น


Jeep Gladiator มุมด้านหลังที่ดูสะโอดสะอง

ที่มาของข้อมูลและภาพ : autoweek.com

มิตซูบิชิคอร์ปเข้าซื้อหุ้นอีซูซุเพิ่ม


เวปไซต์ของ Mitsubishi Corporation บริษัทการค้ายักษ์ของญี่ปุ่น

ช่วงสองสามวันมานี้ข่าวในหนังสือพิมพ์หลายฉบับ พูดถึงการที่มิตซูบิชิคอร์ปตัดสินใจควักสตังค์ 90 ล้านเหรียญเพื่อถือครองเกือบ 12 ล้านหุ้นในอีซูซุเพิ่มเติม และจับมือการร่วมค้าในเมืองไทยให้แน่นขึ้น

มิตซูบิชิคอร์ปนั้นนอกจากจะต้องเอาเงินไปช่วยมิตซูบิชิมอเตอร์ที่อยู่ในภาวะวิกฤตจากยอดขายที่ตกลง และจากการสูญเงินในกรณีอื้อฉาวปกปิดข้อบกพร่องของผลิตรถบรรทุกหนักฟูโซที่ญี่ปุ่น ก็ยังวางแผนกระชับสัมพันธ์กับมิตรการค้าอย่างอีซูซุด้วย

ทางมิตซูนั้นตระหนักดี ว่าอีซูซุกำลังเผชิญปัญหาหลายอย่าง และการเข้ามาของตัวนั้นก็เพื่อจะช่วยให้อีซูซุเข้มแข็งขึ้น และเพื่อดันแผนรีเอ็นจิเนียริ่งเพื่อแก้ภาวะขาดทุนหนักของอีซูซุให้สำเร็จ

ส่วนผู้ที่ถือหุ้นรายใหญ่อย่างจีเอ็มที่ครองหุ้นอีซูซุอยู่ 10 เปอร์เซ็นต์นั้น ถูกอีซูซุรุกให้ซื้อหุ้นมากขึ้นแต่ก็ไม่ได้ข่าวว่าทางอเมริกันตอบว่าอย่างไร

มิตซูบิชิคอร์ปนั้นเดิมถือหุ้นในอีซูซุ 0.3 เปอร์เซ็นต์ และร่วมมือกับอีซูซุในการจัดจำหน่ายรถปิคอัพในเมืองไทยอยู่ก่อนแล้ว

แต่น่าแปลกนะครับ ว่าทำไมมิตซูบิชิมอเตอร์เองเมื่อเทียบกับอีซูซุถึงลุ่ม ๆ ดอน ๆ ในการขายรถเมืองไทยนัก มิตซูบิชิคอร์ปไม่ได้ช่วยทำอะไรเลยหรือ

ที่มา : detnews.com และ forbes.com

Thursday, November 18, 2004

2005 ฮอนด้าซีอาร์วีปรับโฉม ลงเครื่องดีเซล


2005 Honda CR-V หน้าตาไม่เปลี่ยนมาก แต่ใต้กระโปรงนั้นลงของใหม่เอี่ยมอ่องทีเดียว

คนอังกฤษนั้นจะได้ขับฮอนด้าซีอาร์วีเครื่องดีเซลก่อนใคร หลังจากสนุกกับแอคคอร์ดเครื่องดีเซลมาตั้งแต่ต้นปี

ในการปรับย่อยของรุ่นปี 2005 นี้ ซีอาร์วีแดนลูกหนังมีเปลี่ยนแปลง คือ ทำภายในให้คล้ายรถเก๋งมากขึ้น เอาปุ่มควบคุมมาไว้ที่พวงมาลัย และลงโครเมียมที่หน้าปัดกลม ๆ ส่วนภายนอกนั้นก็ให้ล้อ 16 นิ้วมาในทุกรุ่น ทำเบรคให้ดีกว่าเดิม แต่งระบบขับสี่อีกเล็กน้อย เปลี่ยนกระจังหน้าใหม่ กันชนใหม่ และลงไฟหน้า-หลังให้เข้าสมัย

ซีอาร์วีเมืองอังกฤษนั้นใช้เครื่อง 2.0 ลิตร ไอ-วีเทค เหมือนกับบ้านเรา และในปี 2005 ก็ยังคงเป็นเช่นเดิม ต่างจากตลาดอเมริกาที่ซีอาร์วีนั้นลงเครื่อง 2.4 ลิตร ตั้งแต่แรก

ทว่าที่ใคร ๆ พูดถึงกันมากในการมาของซีอาร์วี 2005 ที่อังกฤษ คือ การลงเครื่องดีเซล 2.2 ลิตร ไอ-ซีดีทีไอ เครื่องเดียวกันกับที่มีมาให้ในแอคคอร์ด

เครื่องดีเซลตัวแรกในประวัติศาสตร์ของฮอนด้าเครื่องนี้นั้น มีดีสมชื่อฮอนด้าทีเดียว คือ พร้อมทั้งสมรรถนะ ความประณีต และประสิทธิภาพ เรียกว่าสู้เครื่องดีเซลดี ๆ ของยุโรปจากค่ายออดี้ หรือบีเอ็มได้สบาย ๆ

ในแอคคอร์ดนั้น เครื่องฮอนด้าดีเซลให้แรงม้า 140 ตัวที่ 4000 รอบ ให้แรงฉุด 340 นิวตันเมตรที่เพียง 2000 รอบ วิ่ง 0-100 กิโลเมตรได้ชั่ว 9.4 วินาที ขณะที่เครื่องเดินเงียบ ให้ไอเสียต่ำมาตรฐานยูโร IV ตอบสนองไว

และที่หลาย ๆ คนสนใจน่าจะเป็นอัตราการกินน้ำมัน ซึ่งแอคคอร์ดดีเซลนั้นทำไว้ที่ 52.3 ไมล์ต่อแกลลอนอังกฤษ หรือ 18.5 กิโลเมตรต่อลิตร

ผู้ที่ให้กำเนิดเครื่องฮอนด้าดีเซลเครื่องนี้ คือ หัวหน้าวิศวกรของฮอนด้านาม เคนอิชิ นากาฮิโร ผู้คิดค้นระบบวาล์วแปรผันอันลือลั่นนั่นเอง

ส่วนการปรับโฉมย่อยในเมืองไทยนั้น ก็รอดูครับว่าจะเป็นเครื่อง 2.4 ลิตรอย่างตลาดอเมริกาจริงหรือเปล่า แต่ถ้าหากเป็นเครื่องดีเซล ก็จะเป็นการสร้างเซอร์ไพรส์ครั้งใหญ่เลยครับ

ที่มา :carkeys.co.uk , thisisyork.co.uk

ข้อมูลเพิ่มเติม :การทำสถิติโลก 19 รายการและทำสถิติวิ่ง 100 กิโลเมตรด้วยน้ำมัน 3.07 ลิตรของเครื่องดีเซลจากฮอนด้า - carpages.co.uk

เยอรมันเอาจริงกับไฮโดรเจน


BMW 7 Series คันที่ใช้พลังไฮโดรเจน

เยอรมันเอาจริงเรื่องการนำรถใช้ไฮโดรเจนมาวิ่งบนท้องถนน เมื่อได้เปิดใช้สถานีบริการเชื้อเพลิงยุคอนาคตแห่งแรกที่กรุงเบอร์ลิน โดยมีให้เติมทั้งเชื้อเพลิงธรรมดา และเชื้อเพลิงไฮโดรเจน

ปั๊มที่ว่านั้นทาสีฟ้าสดอย่าง "ฟ้าพีระ" มีไฮโดรเจนให้บริการทั้งในรูปของกาซ (Compressed Gaseous Hydrogen - CGH2) และในรูปของของเหลว (Liquid Hydrogen - LH2)

ไฮโดรเจนเหลวที่ให้พลังงานต่อเนื้อที่เก็บสูงนี้เอง ที่เป็นสิ่งพิศมัยของสำนักบีเอ็มดับเบิลยู ซึ่งได้ส่งบีเอ็มซีรีส์เจ็ดพลังไฮโดรเจนมาเปิดงานด้วย

การเปิดปั๊มไฮโดรเจนที่มีบรรดาผู้ใหญ่ในวงรัฐบาลและราชการเยอรมันมากันเพียบนี้ ชี้ให้เห็นถึงการเอาจริงของแดนเบียร์ในการหาพลังงานทดแทนน้ำมัน หรือทดแทนพลังงานจากฟอสซิลอื่น ๆ

ทางเยอรมันต้องอาศัยหน่วยงานกว่า 10 แห่ง จับมือกันวิจัยและพัฒนา โดยมีรัฐบาลคอยหนุนหลังและคอยเข็นโครงการยานพาหนะพลังไฮโดรเจนให้ขับเคลื่อน

อย่างบีเอ็มดับเบิลยูนั้นได้ศึกษาพัฒนารถไฮโดรเจนมากว่า 20 ปี และการมีปั๊มเติมไฮโดรเจนที่เปิดให้สาธารณะชนได้เข้าถึงเป็นแห่งแรกนี้ ถือเป็นการใส่จิกซอว์ให้ฝันอันยาวนานนั้นใกล้ความจริง


สถานีบริการเชื้อเพลิงโดรเจนแห่งแรก ที่เบอร์ลิน

ในช่วงที่ปั๊มไฮโดรเจนเพิ่งตั้งไข่นี้ ทางบีเอ็มทำรถซีรีส์เจ็ดให้ใช้ได้ทั้งเบนซินและไฮโดรเจน เพื่อที่ผู้ใช้จะไปไหนต่อไหนอย่างไม่กังวลว่าเชื้อเพลิงจะหมด

ส่วนผู้พิศมัยรถอย่างเรา ๆ นั้น ก็ถือว่าเป็นข่าวดี เพราะหากแม้นเชื้อเพลิงฟอสซิลหมดโลกแล้ว ก็ยังมีแววว่า วัตถุเคลื่อนย้ายคนที่เรียกว่า รถ นั้นจะยังคงอยู่ต่อไป

ข้อมูลและภาพจาก mwerks.com

Wednesday, November 17, 2004

อีซูซุออกอาการน่าเป็นห่วง


Isuzu Ascender รถที่จะพยุงอีซูซุไว้ในตลาดอเมริกาจนถึงปี 2007 เพื่อรอตัวช่วยจากประเทศไทย

ในขณะที่อีซูซุในแดนสยามกำลังไปได้สวย พูดเงินเป็นเงิน พูดทองเป็นทอง นำอะไรออกมาขายก็ถูกใจคนซื้อ แต่ที่อเมริกาตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลกสำหรับรถทรัค อันหมายถึงรถกระบะและเอสยูวีที่เป็นของถนัดของอีซูซุนั้น พี่ท่านออกอาการเมาหมัดอย่างน่าเป็นห่วง

เพราะจู่ ๆ ก็ไม่มีรถขายเสียอย่างนั้น !

โดยฝ่ายบริหารของอีซูซุอเมริกาออกมาประกาศว่า นับแต่นี้อีกสองปีลูกค้าที่เดินเข้าดีลเลอร์อีซูซุจะพบแต่เฉพาะเอสยูวีรุ่นเอสเซนเดอร์รุ่นเดียวเท่านั้น

ทว่าที่น่าสนใจ หรือชวนตกใจก็ไม่ทราบ คือ เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ดีลเลอร์อีซูซุทั่วอเมริกาจำนวน 360 แห่ง ทำยอดขายเอสเซนเดอร์ไปได้แค่ 692 คัน หรือเฉลี่ย 2 คันต่อโชว์รูม

อนาคตของอีซูซุในอเมริกานั้นถ้าจะเปลี่ยนก็ต้องรอถึงปี 2007 โน่น ถึงจะมีรถรุ่นใหม่ออกมา

ระหว่างที่รอนั้นก็จะลดโชว์รูมลงให้เหลือ 250 แห่ง (จากที่เคยมีมากถึง 433 แห่ง) และวิธีการที่จะอยู่รอดสำหรับดีลเลอร์นั้นถูกปรับจากการขายรถ เปลี่ยนมาเป็นการให้บริการและการดูแลซ่อมแซมรถแทน

อะแฮ่ม ที่น่ารักอย่างยิ่งก็คือ คำกล่าวของโฆษกอีซูซุที่บอกดีลเลอร์ของตัวไปว่า เอสยูวีตัวใหม่ที่จะมาในปี 2007 นั้น มีกำหนดจะเริ่มเดินสายการผลิตในปลายปี 2006 ที่โรงงานในประเทศไทย

ส่วนในปีหน้านี้ อีซูสุจะตั้งหน้าตั้งตาหาแผนการตลาดขายเอสเซนเดอร์อย่างเดียว โดยวางเป้าไว้ว่าหากขายได้ 2,000 คันต่อเดือน ตกปีละ 36,000 คันเหนาะ ๆ ก็จะพอไปไหว

ถึงหวังน้อย ก็ขอเอาใจช่วยให้ทำได้ตามเป้าก็แล้วกัน ไม่อย่างนั้นอาจไม่รอดจนถึงลมหายใจเฮือกหน้าในปี 2007

ที่มา : autoweek.com

เล็กซัสจีเอสใหม่หมดจด ปี 2006


2006 Lexus GS ซีรีส์ที่ออกแนวหรูบวกสปอร์ตในขณะเดียวกัน

ในเวบบอร์ดของ clublexus.com มีภาพและข้อมูลเล็กซัสจีเอสใหม่ตรึมเลยครับ

สำหรับแฟน ๆ ของเล็กซัสคงได้รู้กันแล้วว่า ซีรีส์จีเอสคือ ยานพาหนะที่นำความหรูผสานกับความแรงของค่ายโตโยต้าเขา และในเร็ว ๆ นี้ จีเอสโมเดลใหม่หมดจดปี 2006 จะออกสู่ตลาด

จีเอสคันนี้จะเป็นผู้นำเส้นสายการออกแบบแนวใหม่ของเล็กซัสมาอวดสายตาชาวโลก และมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ อัดมาเพียบ เป็นต้นว่า

เป็นรถเก๋งเล็กซัสคันแรกที่ขับเคลื่อนสี่ล้อ พร้อมอุปกรณ์ช่วยการทรงตัว Vehicle Dynamic Management (VDM) ที่มีเซ็นเซอร์ตรวจจับวางไว้ทั่วรถ ไม่ว่าล้อจะลื่นหรือรถจะไถล ระบบนี้จะกระโดดเข้ารับมือได้อยู่หมัด

มีเครื่องแรง ๆ ทั้งแบบแปดสูบ 4.3 ลิตร และหกสูบ 245 แรงม้า พร้อมเกียร์ออโต้หกสปีดที่ผู้ขับสั่งเปลี่ยนเกียร์ได้ ส่วนช่วงล่างนั้นเป็นแบบปรับได้ตามสไตล์การขับ ไม่ว่าจะเป็นแบบนุ่ม ๆ สำหรับวันธรรมดา หรือแบบแข็งในโหมดสปอร์ตในยามต้องการความรู้สึกเพื่อการขับที่แม่นยำ

ส่วนลูกเล่นสำหรับรถหรูที่ฮิต ๆ กันอย่างระบบไร้กุญแจเสียบ ระบบตรวจวัดลมยาง กล้องช่วยการถอยหลัง หรือไฟหน้าที่เบนแสงตามพวงมาลัยเมื่อเลี้ยวก็มากันพร้อมพรัก

ในด้านระบบความปลอดภัยนอกจากการบรรทุกถุงลมมาทุกมุมแล้ว ยังมีระบบตรวจสอบก่อนการชน Pre-Collision System (PCS) ที่ใช้เรดาร์ตรวจวัดสิ่งกีดขวางหน้ารถและระบบคอมพิวเตอร์ช่วยตัดสินใจเข้าควบคุมรถช่วยคนขับอีกแรง เพื่อลดความรุนแรงของอุบัติเหตุ

เมื่อรวมข้างต้นเข้ากับความหรูในห้องโดยสารอันเล็กซัสทำได้เนียน ประณีต และลงตัว สมกับที่สร้างชื่อเสียงมาตลอด ก็ยากที่ใครจะปฏิเสธรถหรูรุ่นกลางจากเล็กซัสได้ลง

เว้นแต่กระเป๋าสตังค์ไม่อนุญาต ก็เท่านั้น !

ที่มา : clublexus.com, และ อีกหน้า

Tuesday, November 16, 2004

โตโยต้าพรีอุส รถยอดเยี่ยมแห่งยุโรปปี 2005


Toyota Prius รถไฮบริดที่ป่วนโลกได้อย่างน่าทึ่ง

โตโยต้าพรีอุส คือ รถยอดเยี่ยมแห่งยุโรปปี 2005

พรีอุสไฮบริดตัวป่วนที่โดนใจไฮโซ ดารา และชาวประชาฝั่งอเมริกาอย่างทั่วถึงในปีนี้ ก็ได้รับการตอบรับที่อบอุ่นไม่แพ้กันที่ยุโรป

โดยกรรมการจากนิตยสารรถ 58 ท่านจาก 22 ประเทศในยุโรปได้ลงมติ และประกาศเมื่อวานนี้ ให้โตโยต้าพรีอุสเป็นรถยอดเยี่ยมแห่งยุโรปปี 2005

หลังจากการปล่อยโฉมใหม่หมดจดลงตลาดเมื่อต้นปี รถพันธุ์ทางที่ใช้พลังขับเคลื่อนจากเครื่องยนต์เบนซินควบคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าแบบไร้ปลั๊กที่ชื่อพรีอุสนั้น ขายดีชนิดขาดตลาดไปทั่วโลก

หัวหน้าฝ่ายการตลาดของโตโยต้ายุโรปชี้ว่าการได้รางวัลของพรีอุส ถือเป็นหนึ่งในหลักชัยของรถไฮบริด และแสดงถึงการยอมรับของวงการรถยนต์ต่อเทคโนโลยีที่อาจจะเป็นกระแสหลักในอนาคตนี้ด้วย

ครับ ใครที่อยากจะเป็นผู้นำแฟชั่นในเมืองบางกอกก็หาซื้อพรีอุสมาใช้กันได้ เพราะเห็นว่ามีผู้นำเข้าอิสระลงโฆษณาในหน้าหนังสือพิมพ์อยู่เนือง ๆ

บทความที่เกี่ยวข้อง : โตโยต้าพรีอุส ไฮบริดตัวป่วน
ที่มา : reuters.com
ข้อมูลเพิ่มเติม : toyota.com

นิสสันพาธไฟน์เดอร์เครื่องดีเซล


Nissan Pathfinder เครื่องดีเซลที่จะลงตลาดยุโรป

ผู้ที่อยากเห็นนิสสันฟรอนเทียร์ใหม่ กลายร่างเป็นเอสยูวีและมีเสปคขยับเข้ามาใกล้ ๆ เมืองไทยมากขึ้น น่าจะสมใจได้แล้ว เมื่อนิสสันเตรียมส่งพาธไฟน์เดอร์ เอสยูวีรุ่นกลางของตนออกจากโรงงานที่บาร์เซโลน่าลงสู่ตลาดยุโรป

โดยเป้าหมายก็คือจะลงฟัดกับเอสยูวีตัวดังจากแลนด์โรเวอร์ เจ้าดิสคัฟเวอรีนั่นเอง

พาธไฟน์เดอร์ที่จะออกลุยยุโรปนั้นจะลงเฉพาะเครื่องดีเซลสี่สูบเทอร์โบ 2.5 ลิตร 172 แรงม้า พร้อมกับเกียร์แมนวลหกสปีด หรือออโต้สี่สปีดตามแต่ผู้ซื้อ

ราคาค่าตัวนั้นจะอยู่ในช่วง 1,800,000-2,250,000 บาท โดยรุ่นประหยัดจะมาในแบบห้าที่นั่ง ส่วนรุ่นท็อปจะเป็นเจ็ดที่นั่ง พร้อมลูกเล่นอย่างกล้องมองหลังเพื่อช่วยในการถอยรถ กุญแจอัจฉริยะที่เปิดประตูรถให้โดยไม่ต้องเอาออกนอกกระเป๋า

เสป็คอย่างนี้ หน้าตาหล่อเหลาเช่นนี้ และตัวรถสดใหม่แบบนี้ นิสสันไทยแลนด์น่าจะส่งมาลุยถนนออฟโรดแถว ๆ ป่าเมืองไทยบ้างนะท่าน

ที่มา : driving.timesonline.co.uk
แหล่งข้อมูลของพาธไฟน์เดอร์เวอร์ชันอเมริกัน: edmunds.com

บีเอ็มดับเบิลยูซีรีส์ 6 ที่นั่งเดียว


BMW 6 Series เวอร์ชันสำหรับคุณหนูที่มีรสนิยมวิไล

ดูเหมือนจะเป็นธรรมเนียมไปซะแล้ว สำหรับบีเอ็มราคาไม่ถึงหมื่น ที่จะต้องมีรุ่นใหม่ปล่อยออกมาเป็นระยะ ๆ

ครานี้คงเล็งกระเป๋าสตังค์ซานตาคลอสสำหรับคริสต์มาสที่จะมาถึงนี้เป็นแน่

บีเอ็มซีรีส์ 6 รุ่นนี้มีให้เลือกสองแบบคือ แบบใช้แรงปั่นเพื่อส่งเสริมกำลังขาของหนู ๆ หรือแบบแรงไฟฟ้าเพื่อคุณหนูที่พิศมัยความสะดวกสบาย

รถในฝันของเด็ก ๆ คนนี้มาในสีสันเมตาลิคแดงสดใส และแน่นอนต้องเป็นแบบเปิดประทุน ให้พลังฝีตีนสูงสุด 12 กิโลเมตรต่อชั่วโมงหากใช้ไฟ 12 โวลท์

ในเวอร์ชันไฟฟ้า นอกจากเกียร์เดินหน้า ถอยหลัง และแตรไฟฟ้าแล้ว เจ้าบีเอ็มจิ๋วยังมีเกจ์วัดความเร็วใช้งานได้จริงด้วย

บีเอ็มได้ใส่ใจในทุกรายละเอียดการผลิต ดังเช่น ยางของซีรีส์ 6 คันนี้เป็นแบบเกาะหนึบ ให้ความรู้สึกแบบรถโกคาร์ท

เมื่อชาร์ทเต็ม เด็ก ๆ จะควบบีเอ็มคันนี้ได้ถึง 90 นาที และใช้เวลาชาร์ทไฟแค่ 15 นาทีก็เต็มแล้ว

พ่อแม่คนใดที่อยากเป็นซานตาใจดีในเทศกาลที่จะมาถึงนี้ ก็ไปเลือกซื้อที่ดีลเลอร์รถบีเอ็มดับเบิลยู หรือจะแวะที่นี่ก็ได้ www.bmw-shop.com/lifestyle

ที่มา : germancarfans.com

Monday, November 15, 2004

ดอดจ์แม็กนัม รถมาใหม่รางวัลยอดเยี่ยม


Dodge Magnum ผลลัพธ์ที่เด่นที่สุดหลังจากการรวมตัวของเดมเลอร์ เข้ากับไครสเลอร์

พ็อบพิวล่าร์ไซน์ นิตยสารเกี่ยวกับความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่มีประวัติยาวนาน ได้ประกาศผลรางวัล "สุดยอดนวัตกรรมใหม่" ประจำปีนี้ออกมาแล้ว

โดยในหมวดรถยนต์ ผู้ที่ได้รางวัลยอดเยี่ยมไปครองก็คือ ดอดจ์แม็คนัมรถสเตชันเวกอนสุดจ๊าบจากเดมเลอร์ไครสเลอร์นั่นเอง

ดอดจ์แม็คนัมนั้นเป็นส่วนผสมของอเมริกันและเยอรมันที่ลงตัวยิ่ง คือ ได้หน้าตาที่ดุ กระจังใหญ่ เส้นสายคมคายในแนวดอดจ์ ได้เครื่องเฮมิอันทรงพลังจากไครสเลอร์ และได้ช่วงล่างพร้อมระบบขับเคลื่อนล้อหลังจากเมอร์ซีเดส-เบนซ์อีคลาส

ดอดจ์แม็คนัมใช้ระบบสงวนกำลังที่ฮิตกันในตอนนี้ คือ ใช้แค่สี่สูบจากแปดสูบในยามล่องบนถนนไฮเวย์ เพื่อประหยัดน้ำมัน

ส่วนรถคันอื่นที่เข้ารับรางวัลประจำปีนี้ ได้แก่

  • เบนท์ลีย์คอนติเน็นตัลจีที-เจ้าอ้วนราศีงามฝีตีนไว้
  • เมอร์ซีดีสเอสแอลเค350 - รถเล็กเปิดประทุนโฉบเฉี่ยว
  • แลนด์โรเวอร์อาร์แอล3 -จอมลุยที่ตะกุยได้ชั่วกดปุ่ม
  • ฮอนด้าโอดิสซีใหม่ - สุดยอดรถแวนที่ดีกว่าเดิม
  • เมอร์ซีเดสอี320 ซีดีไอ -เบนซ์ดีเซลแรงฉุดเหลือเฟือ
  • โลตัสอีลีส - สปอร์ตอย่างเฟอร์รารีในราคารถเก๋ง
  • ไซออนทีซี - รถที่พิสูจน์ว่าโตโยต้าทำรถดีและขายถูกกว่ารถเกาหลีได้
  • เชฟโรเล็ตคอร์เว็ต - รถสปอร์ตที่กู้หน้าให้อเมริกันได้เสมอ
  • ฟอร์ดเอสเคปไฮบริด - มาในนามไฮบริดตัวแรกที่ลงในเอสยูวี

รางวัลที่พ็อบพิวล่าร์ไซน์แจกนี้ เน้นความลงตัวของการนำนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่มาบรรจุในวัตถุเคลื่อนย้ายคนที่เรียกว่ารถ มากกว่าการชี้นำว่าหากจะหารถไปขับสักคันควรจะซื้อตัวไหน แต่รางวัลที่ได้ก็คงทำให้เจ้าของแต่ละสำนักเอาไปคุยอวดได้พอควร

ที่มา : popsci.com นิตยสาร Popular Science

ระบบกันสะเทือนรถยนต์ชั้นยอด จากสำนักเครื่องเสียงโบส


Bose Suspension นวัตกรรมใหม่ยอดเยี่ยมทางเทคโนโลยียานยนต์ประจำปี

โบสบริษัทที่โด่งดังในด้านเครื่องเสียงได้สร้างชื่ออีกด้าน เมื่อระบบกันสะเทือนรถยนต์ของโบสได้รับรางวัลนวัตกรรมใหม่ยอดเยี่ยมทางเทคโนโลยียานยนต์ประจำปีนี้ของนิตยสารพ็อพพิวล่าร์ไซน์ไปครอง

โดยจุดเด่นของระบบกันสะเทือนของโบส คือ การใช้มอเตอร์แม่เหล็กไฟฟ้าชนิดแนวเส้นตรง ผลักและดึงล้อออกจากหล่ม ตอบสนองตามเซ็นเซอร์ตรวจจับหลุมหรือเนินที่กระจายไว้ทั่วรถ ผลที่ได้คือ ระดับรถจะนิ่งในยามวิ่งผ่านหลุมบ่อ และลดการโยนตัวของรถยามเข้าโค้ง ลดการหน้าทิ่มเวลาเบรคแรง ๆ หรือลดการกระชากตัวเมื่อกระทืบคันเร่งออกรถ

ต่อไปนี้ ใครที่ชอบรถขับสนุกและขี่สบายในคันเดียวกันก็คงต้องมองหายี่ห้อโบสที่ข้าง ๆ ล้อ และอย่าลืมมีโบสที่แผงหน้าปัดนั้นด้วย เพราะการนั่งสบาย ๆ ก็ต้องมีเสียงนอร่า โจนส์ หรือไดอะน่า ครอล ครวญสำเนียงแจ๊สผ่านระบบเสียงชั้นยอดประกอบกันถึงจะแจ่ม

ส่วนผู้ที่ได้รางวัลรองในปีนี้ได้แก่

  • เครื่องยนต์ไฮบริดของฮอนด้าแอคคอร์ด ที่ช่วยสร้างแอคคอร์ดที่เหนือกว่าแอคคอร์ด
  • ระบบนำทางเอ็กซ์เอ็มที่ใช้ดาวเทียมช่วยชี้ทางให้ผู้ขับ
  • ระบบขับสี่แบบซูเปอร์แฮนด์ลิงของอะคูรา ที่ทำให้รถหรูคันนี้ไม่เกี่ยงถนนทุกสภาพอากาศ
  • หุ่นเวอร์ดซิด หุ่นทดสอบความปลอดภัยจากการชนด้านข้าง
  • ระบบเครื่องยนต์ไฮโดรเจนของบีเอ็มดับเบิลยู เอชทูอาร์
  • อุปกรณ์คุมลำแสงไฟหน้ารถอัตโนมัติเจ็นเท็กซ์สมาร์ทบีม ที่ทำให้การเคาะก้านไฟสูงต่ำกลายเป็นอดีต
  • ระบบเก็บของบริเวณพื้นใต้เท้า/ที่นั่งผู้โดยสาร สโตว์เอ็นโกซีทติ้งของเดมเลอร์ไครสเลอร์
ที่มา : popsci.com นิตยสาร Pupular Science

สมาร์ททรัค3 รถที่ฮัมวีต้องถอยให้


SmartTruck 3 โผล่มาจากขุมไหนละท่าน

ฮัมวีรถทหารไซส์ยักษ์อันเป็นคู่แฝดของฮัมเมอร์เอสยูวีภาคประชาชนเป็นอันตกอันดับเสียแล้ว เมื่อกองทัพสหรัฐได้รถใหม่ที่ใหญ่กว่ามาทดแทนในชื่อ สมาร์ททรัค 3 หรือ รถอัจฉริยะ 3

โดย "รถทหาร" คันใหม่นี้หนักกว่าฮัมวี 2 ถึง 3,000 ปอนด์ สูงกว่าสามนิ้ว แถมยาวกว่าถึงสี่ฟุต เมื่อใครเห็นเข้าก็ต้องร้องอุแม่เจ้า เพราะยังกะจับเจ้าฮัมเมอร์ไปเข้าโรงยิมเล่นกล้าม ตัวโตกว่า ล้อโตกว่า ทว่าไม่น่าเชื่อที่เจ้าสมาร์ททรัคกลับกินน้ำมันน้อยกว่า

สมาร์ททรัค 3 เป็นผลของการจับมือกันของกองทัพสหรัฐและอินเตอร์เนชันแนลทรัคแอนด์เอนจิ้น โดยไม่เพียงแต่จะเอามาใช้ในกองทัพเองเท่านั้น หน่วยงานราชการอื่น ๆ หรือใครที่พิศมัยรถที่ต้องปีนกระไดขึ้นก็เตรียมควักกระเป๋าซื้อได้

ในรุ่นภาคประชาชนจะมีขนาดมหึมาเท่าเทียมกับภาคทหาร แต่จะไม่มีระบบอีเล็คทรอนิคส์ที่ใช้ตรวจจับเชื้อแอนแทร็กซ์ ไม่มีโล่กันใต้ท้องรถที่ทำจากเคฟลาร์ ไม่มีกล้องที่มองเห็นในตอนกลางคืน และไม่มีจอคอมพิวเตอร์แอลซีดีชนิดนิ้วสัมผัสขนาด 25 นิ้ว

ท่าน ๆ เห็นแล้ว คิดอย่างไรครับ

ผมเองนึกถึงจี๊ปวิลลี่ที่แล่นในฟิลิปปินส์ โดนโดเรมอนเสกให้โตเป็นไจแอนท์แล้วเอามาแต่งดำ และถ้าให้เลือก ผมเลือกฮัมวีครับ

ที่มา : boingboing.net, news.independent.co.uk

พกกล้องเข้าไว้ ยามซื้อขายรถ


DPreview.com เวบเกี่ยวกับกล้องที่มีข้อมูลให้ศึกษามากมาย

ตำรวจอังกฤษออกโรงเตือนผู้ซื้อรถยนต์มือสองว่าให้พกกล้อง และถ่ายรูปผู้ที่ขายรถให้ไว้ด้วย

โดยบ๊อบบี้เมืองอังกฤษบอกว่ายุคนี้สมัยนี้กล้องดิจิตอล หรือมือถือถ่ายรูปได้นั้นมีราคาถูก และใคร ๆ ก็ใช้กันเกร่อไปหมด ถ่ายรูปไว้เถอะไม่เสียหายหรอก ฉุกเฉินขึ้นมาก็จะได้เอาไปประกอบในยามวิ่งไปโรงพัก หรือยามต้องขึ้นโรงขึ้นศาล

ว่ากันว่า คนเราถ้าบริสุทธ์ใจในการซื้อขายแล้วละก็ จะไม่ปฏิเสธถ้าหากอีกฝ่ายจะขอถ่ายรูปไว้

ข้อมูลที่มีประโยชน์อย่างนี้ ผมก็เห็นด้วยอย่างยิ่ง และถ้าหากใครยังไม่มีกล้อง ก็ไปหาข้อมูลก่อนซื้อที่โต๊ะกล้องของพันทิปได้ หรือหากถนัดภาษาอังกฤษที่ดีพีรีวิวนั้นก็มีรายละเอียดให้ศึกษาเพียบ

จะซื้อจะขายอะไร รอบคอบกันไว้ นะดีแน่ครับ

ที่มา : whatcar.co.uk

Sunday, November 14, 2004

รวมภาพเด็ด รถเมอร์ซีเดส-เบนซ์ในอนาคต


2007 Mercedes Benz C-Class รูปโฉมของซีคลาสตัวใหม่ตามความเห็นของนิตยสารออโต้บิลด์ ที่ autobild.de

ออโต้บิลด์มีของดีมาแจกให้ท่านดู

ออโต้บิลด์นิตยสารรถแห่งเยอรมันได้รวบรวมทั้งภาพดัดแปลงด้วยคอมพิวเตอร์, ภาพจริง และภาพสปายช็อตกว่า 40 ชิ้นมาไว้ที่แกลเลอรีรถเมอร์ซีเดส-เบนซ์ในอนาคต ให้เรา ๆ ท่าน ๆ ผู้ชมชอบรถตราดาวได้เห็นถึงแนวโน้มหน้าตาของรถเมอร์ซีเดส-เบนซ์ในวันข้างหน้า

เนื่องจากความรู้ในภาษาเยอรมันของผมเป็นศูนย์ หากมีผู้ใดสันทัดจะช่วยแจกแจงหน่อยว่าคำอธิบายภาพทั้งหลายนั้นว่าไว้อย่างไร ก็จะเป็นพระคุณยิ่ง

ถึงกระไรก็ตาม ภาพนั้นมีความหมายกว่าคำนับพัน ถึงไม่รู้ภาษาก็คุ้มที่จะเข้าไปดูครับ