Sunday, September 26, 2004

โตโยต้าพรีอุส ไฮบริดตัวป่วน


2004 Toyota Prius รถที่ใคร ๆ ก็อยากอวดให้คนอื่นเห็นว่าตัวเองใช้อยู่ Posted by Hello

ในยามนี้ แคมิรอน ดิแอซ, ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ รวมถึง ดาราฮอลลีวูดชื่อดังอีกหลายสิบคน หรือแม้กระทั่งหนุ่มพันล้านเหรียญอย่างผู้ก่อตั้งกูเกิล และบรรดาผู้มีชื่อเสียงอีกนับไม่ถ้วน มีสิ่งหนึ่งร่วมกัน คือ เป็นเจ้าของโตโยต้าพรีอุส รถไฮบริดตัวเจ็บที่กำลังป่วนโลกอยู่อย่างน่าทึ่ง

ก่อนหน้านี้นั้น ผู้ที่มีชื่อเสียงทั้งหลาย มักจะพากันเห่ออวดรถหรู รถแพง รถใหญ่ หรือรถหายากกัน

รถอย่างเล็กซัสแอลเอส 400, ลินคอล์นเนวิเกเตอร์ หรือฮัมเมอร์เอสยูวีคันยักษ์ ฯลฯ ก็เคยถูกแรงส่งจากผู้สร้างกระแสของสังคมเหล่านี้ ทำให้รถดัง และขายดีกันมาแล้ว

และอะไรหรือที่ทำให้บรรดาผู้มีรสนิยมวิไล เปลี่ยนใจจากรถแพง ๆ จอมเขมือบน้ำมัน มานั่งหลังพวงมาลัยเจ้าพรีอุส รถคันเล็ก ๆ ราคาแค่สองหมื่นเหรียญเศษ ๆ แต่วิ่งได้กว่าห้าสิบไมล์ต่อแกลลอน (หรือยี่สิบกว่ากิโลเมตรต่อลิตร) คันนี้

คำตอบอาจจะอยู่ที่ ความเท่

ซึ่งไม่มีคำอธิบาย

เท่เพราะได้ภาพลักษณ์เป็นคนรักต้นไม้ เป็นคนรักอากาศสะอาด
เท่เพราะดูเป็นคนรุ่นใหม่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
เท่เพราะมีรถที่คนอื่นไม่มี
เท่เพราะที่ขับรถไปก็ไม่รู้ว่ารถนั้นดับ หรือว่าติดเครื่องยนต์อยู่กันแน่
หรือว่าเท่เพราะได้เป็นเจ้าของรถที่ได้รางวัลมานับไม่ถ้วน เป็นต้นว่า รถยอดเยี่ยมแห่งอเมริกาเหนือ, รถสุดยอดแห่งปีของมอเตอร์เทรนด์ ฯลฯ

เป็นไปได้ทั้งนั้น แต่เมื่อเท่ แล้วมันก็ดังสิครับ

โตโยต้าพรีอุส ดังไม่ดังอย่างไร ก็ดูจากผู้ที่ต่อแถวจองรถก็แล้วกัน ในอเมริกานั้น บอกจองแล้วก็ต้องรออีกหกเดือนกว่าจะได้รถ เนื่องจากโตโยต้ามียอดต้องผลิตให้ทันยอดสั่งหลายหมื่นคัน โดยน่าสังเกตว่าขณะเดียวกันที่โชว์รูมไม่ใกล้ไม่ไกลฮอนด้าซีวิคไฮบริดยังจอดรอคนซื้ออยู่เงียบ ๆ ส่วนในเนเธอร์แลนด์นั้นต้องรอหนึ่งปี และบรรดาผู้ที่ซื้อ ๆ กันนี้ ถูกคนขายโก่งราคาขึ้นไปสูงกว่าราคาป้ายอีกหลายสตังค์

แม้กระทั่งกฎหมายของบ้านเมืองตอนนี้ก็ยังเอื้อให้พรีอุส อย่างเมื่อสองสามวันมานี้ ผู้ว่าอาร์โนลด์ ชวาซเนเกอร์ แห่งมลรัฐแคลิฟอร์เนีย ก็เพิ่งจรดปากกา ส่งเสริมการใช้รถไฮบริดไปสด ๆ ร้อน ๆ เล่นเอาชาวมะกันบางคนถึงกับออกมาตั้งชื่อกฎมลรัฐฉบับนี้ว่า "กฏญี่ปุ่น" เพราะในขณะนี้มีแต่รถญี่ปุ่นเท่านั้นที่จะได้ประโยชน์

เหตุที่เรียกว่าพรีอุสว่าไฮบริด ก็เพราะใช้ทั้งเบนซิน และไฟฟ้าเป็นปัจจัยขับเคลื่อน โดยใต้ฝากระโปรงพรีอุสมีเครื่องเบนซินจุ 1.5 ลิตร และแบตเตอรี่ไม่กี่ก้อน แต่ด้วยการออกแบบอย่างแยบยล ทำให้ใช้พลังไฟฟ้าที่ความเร็วช้า ๆ ต่อเมื่อเร็วได้ที่ จึงจะใช้เครื่องสันดาปไฮโดรคาร์บอน และระหว่างนั้น รวมทั้งตอนแตะเบรก คอมพิวเตอร์ตัวช่วยก็จะสั่งให้ประจุไฟฟ้ากลับคืน ทำให้เจ้าพรีอุสไม่ต้องเพิ่งปลั๊กไฟโดยสิ้นเชิง

ด้วยเทคนิคนี้ พรีอุสจึงเหมาะกับการเป็นรถคนเมืองอย่างยิ่ง

พรีอุสเปิดตัวมาเป็นครั้งแรกในปี 1997 ตอนนั้นคู่แข่งสำคัญคือ ฮอนด้าอินไซท์ (ซึ่งจริง ๆ แล้วบอกอัตราประหยัดน้ำมันได้มากกว่าพรีอุสเสียอีก) แต่ว่าความลงตัวในการขับ ที่นั่งมากกว่า ใหญ่กว่า กว้างขวางกว่า และการออกแบบได้ถูกใจคนซื้อนั้นพรีอุสทำได้ดี จึงส่งผลให้ขายกระฉูดไปทั่วโลก

เมื่อเกิดอาการฮิตป่วนโลกเช่นนี้ โตโยต้าก็เลยเร่งปั๊มเจ้าพรีอุสอย่างอุตลุด เปิดโรงงานทั้งในอเมริกา และยุโรปเป็นการใหญ่ เมื่อไม่นานมานี้ก็แว่วว่าจะไปตั้งโรงงานในเมืองจีนด้วย

ในปี 2005 โตโยต้าตั้งเป้ายอดรวมทั้งโลกของพรีอุสนั้น อยู่ที่หนึ่งแสนแปดหมื่นคัน

เห็นอะไรอยู่ข้างหน้า ราง ๆ หรือยังครับ

มีผู้วิเคราะห์ว่าโตโยต้าหันมาเอารถไฮบริดเป็นหมากเด่น ก็เพราะเทคโนโลยีเก๋งดีเซลของตัวนั้นยังตามหลังคู่แข่ง นั่นก็ใช่ส่วนหนึ่ง

แต่ที่ผมมองเห็นตอนนี้ก็คือ ในปี 2005 นอกจากพรีอุส หรือซีวิคไฮบริดแล้ว ตลาดรถที่ใช้ทั้งแบตเตอรี่และเครื่องยนต์ มีจ่อคิววางขายกันเพียบ เป็นต้นว่า โตโยต้าไฮแลนเดอร์ (คู่แฝดคลูเกอร์วี) ไฮบริด, เล็กซัส อาร์เอ็กซ์400เอช, ฮอนด้าแอคคอร์ดไฮบริด, ฟอร์ดเอสเคปไฮบริด (ที่ซื้อเทคโนโลยีจากโตโยต้า) ฯลฯ ไม่รวมโครงการที่กำลังขึ้นรูปขึ้นร่างอีกมากมายสารพัดยี่ห้อ

อาการฮิตไฮบริดแบบนี้ เห็นทีอนาคตของตลาดวัตถุเคลื่อนย้ายคนที่เรียกว่า รถ นั้นจะเบี่ยงจากเส้นทางเดิม

และ อาจทำให้คนที่เล็งจะเอาเก๋งดีเซลมาใช้ในอนาคต อาจจะต้องมองข้ามช็อตไปยังรถเบนซินพ่วงแบตเตอรี่เสียแล้ว

- ข้อมูล bloomberg.com, toyota.com, worldhistory.com, hybridcars.com