Saturday, October 23, 2004

แคดิแลคซีทีเอสวี - หรู แรง แพง ดำ ดุ


Cadillac CTS-V แคดี้รุ่นใหม่ที่ออกมาล้างภาพลักษณ์เดิม ๆ (ภาพและข้อมูลบางส่วน autoweek.com)Posted by Hello

ที่แดนลุงแซมอะไรต่อมิอะไรมักมีกันเป็นคู่ ๆ เป็นต้นว่า ในทางการเมืองมีรีพับบลิกันขับเคี่ยวกับเดโมแครต ในทางคอมพิวเตอร์มีอินเทลฟัดกับเอเอ็มดี ในทางรถหรูของอเมริกันแท้ ๆ มีลินคอล์นจากค่ายฟอร์ดก็ย่อมมีคู่แข่งคือ แคดิแล็คจากค่ายจีเอ็ม

ในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมา รถหรูค่ายอเมริกันถูกรถหรู ๆ แพง ๆ จากค่ายยุโรปและญี่ปุ่นแย่งตลาดยึดหัวใจของผู้ซื้อเสียชนิดแพ้หมดรูป ภาพลักษณ์ความเป็นรถหรูอเมริกันนั้นก็ถือว่าตกต่ำสุด ๆ เพราะหากใครเอ่ยขึ้นมาว่า พ้มมางานด้วยรถลินคอล์นหรือแคดิแลค ชาวบ้านก็จะหันมาถามว่าไปยืมรถคุณปู่มาขับหรือไร

เพราะรถอย่างลินคอล์นและแคดิแล็คกลายเป็นรถที่เชยตั้งแต่อยู่ในสายการผลิต ผู้ที่ไปซื้อมาใช้มักจะเป็นคนแก่หัวหงอกวัยเกษียณ และไม่มีใครเห็นว่าเป็นเรื่องเท่แต่ประการใด

ฉะนั้นทางค่ายหรูแดนอินทรีจึงต้องปรับตัวกันยกใหญ่ โดยเฉพาะการสร้างภาพลักษณ์ด้วยรถที่มีการออกแบบ การขับขี่ออกไปในทางยุโรปมากขึ้น และแน่นอนว่าต้นแบบก็หนีไม่พ้นแจกัวร์ บีเอ็มดับเบิลยู และเมอร์ซีเดซ-เบนซ์ และรวมถึงการบริการลูกค้าในแบบญี่ปุ่นของเล็กซัสนั้นด้วย

ในกรณีของแคดิแล็ค ในระยะหลังจึงออกรถยนต์ที่มีเส้นสายเหลี่ยมคมมาแทนเส้นโค้งมน ทำช่วงล่างออกแข็งแนวสปอร์ตมากขึ้นแทนที่รถที่นุ่มเนิบนาบดังเรือยอทช์ และการเรียกชื่อรุ่นรถเป็นคำเฉพาะอย่างเดอวิลล์ เอสแคเลด เซวิลล์ ก็ถูกปรับให้เป็นอักษรย่อภาษาอังกฤษเอสทีเอส เอ็กซ์แอลอาร์ เอสอาร์เอ็กซ์ ซีทีเอสตามแนวนิยมของยุโรปและญี่ปุ่น

ถ้าหากมีคนอเมริกันถูกจับตัวไปนอกโลกสิบปี ย้อนกลับมาบ้านเกิดและเจอะรถหรูอเมริกันแนวใหม่อย่างเจ้าแคดิแล็คซีทีเอสวีคันนี้เข้า คงจะไม่เชื่อว่าอย่างหัวเด็ดตีนขาดว่านี่จะเป็นรถแคดิแล็คยี่ห้อเดียวกับที่คุณปู่คลั่งไคล้

นั่นคือเส้นสายเหลี่ยมมุมนั้นคมกริบบาดตาสุด ๆ ยิ่งแคเท็คจับแต่งออกแนวหรู แรง แพง ดำ ดุ อย่างนี้แล้ว หากอเมริกันชนรุ่นใหม่จะปฏิเสธแคดี้ก็ถือว่าใจหินเกินไป

2006 มิตซูบิชิเรเดอร์ เปิดโฉมก่อนเปิดตัว


2006 Mitsubishi Raider กระบะขนาดกลางจากมิตซูบิชิ (ที่มา pickuptruck.com) Posted by Hello

เผยโฉมเต็มตัวแล้วครับสำหรับกระบะใหม่จากมิตซูบิชิที่จะลงตลาดเป็นโมเดลปี 2006 เป็นการอวดภาพก่อนที่ตัวจริงจะไปแสดงในงานนอร์ทอเมริกันอินเตอร์เนชันแนลออโตโชว์ปี 2005 ตั้งสองเดือน

มิตซูคันนี้มีความเป็นซามูไรแค่ผิวเผินเพราะเอากระบะอเมริกันดอด์จดาโกต้ามาขัดผิวประแป้งแต่งหน้า โดยแนวประตูยังดูเหมือนดาโกต้า ทว่าด้านท้าย โป่งล้อ และกระโปรงหน้านั้นต่างออกไป ส่วนเครื่องยนต์นั้นก็มาแบบดอด์จ...ดอด์จ

ปิคอัพทรัคดอทคอมเหน็บไว้เล็กน้อยว่า ดูเหมือนเดมเล่อร์ไครสเลอร์จะไม่เต็มใจให้มิตซูทำเรเดอร์ในแบบฉบับของตัวเองเท่าใดนัก รถถึงออกมาก้ำกึ่งพิกล

พอเห็นอย่างนี้แล้วแฟน ๆ กระบะมิตซูบ้านเราก็คงต้องรำพึงว่า เค้าสตราดาใหม่คงจะไม่เฉียดใกล้เรเดอร์กระมัง

บทความที่เกี่ยวข้อง : มิตซูบิชิ เปิดหน้ากระบะตัวใหม่ - เรเดอร์ , กระบะตัวใหม่จากมิตซูบิชิ

ออดี้ทีทีโฉมใหม่หมดจด


New Audi TT มุมด้านหน้า Posted by Hello

ออดี้ทีทีตัวใหม่รหัส AU353 ที่จะเผยโฉมในงานแฟรงค์เฟิร์ตมอเตอร์โชว์เดือนกันยายนปีหน้ายังคงเค้าร่างเดิมอันลือลั่นไว้ แต่เติมกระจังหน้าสี่เหลี่ยมใหญ่ที่กลายเป็นเอกลักษณ์ใหม่ประจำตระกูลเข้าไป และดูเหมือนว่าเจ้าคูปตัวนี้จะเข้าโรงยิมยกน้ำหนักเป็นประจำ เพราะมีมัดกล้ามขึ้นเป็นแนวชัดเจน ดูแมน ดูโฉบเฉี่ยว และดูสปอร์ตกว่าตัวก่อน

ตัวใหม่นี้จะมีทางเลือกของเครื่องยนต์มากขึ้น โดยที่เพิ่มเข้าไปจากเครื่องยนต์พื้นฐาน คือ เครื่องเบนซินจะใช้เทคโนโลยีเทอร์โบคู่ยกเครื่องสี่สูบให้มีฝีตีนขึ้นถึงระดับ 280 แรงม้า ส่วนเครื่องดีเซลจะมาในปลายปี 2007 หรือต้นปี 2008

ออดี้หวังไว้ว่าจะขายทีทีใหม่ได้ปีละ 60,000 คัน หลังจากการลงตลาดในปลายปี 2006

ครับ ผู้ที่ชมชอบให้มีสายตาผู้อื่นมองรถตัวเองเยอะ ๆ น่าจะตัดสินใจได้ไม่ยากว่าจะเอารถปัจจุบันของตัวเองไปเทิร์นเป็นคูปคันไหน


New Audi TT ด้านท้าย Posted by Hello

ที่มา : autocar.co.uk เรื่องที่เกี่ยวข้อง : ออดี้ทีทีคันที่ 250,000

Friday, October 22, 2004

2005 ฮอนด้าซีวิคจีเอ็กซ์ ซีวิคที่หย่าขาดจากปั๊มน้ำมัน


Honda Civic GX ซีวิคที่เติมพลังได้ในบ้าน (ข้อมุลและภาพจาก carpages.co.uk) Posted by Hello

ที่เมืองลุงแซมนั้น มีรถฮอนด้าซีวิคใช้แกสธรรมชาติที่ฮอนด้าอเมริกาผลิตจากโรงงานขายมาหลายปีแล้ว แต่ครานี้ซีวิคจีเอ็กซ์คันเก่งจะไม่ต้องแวะปั๊มไม่ว่าเพื่อเติมน้ำมัน หรือเติมแกสอีกต่อไป เพราะฮอนด้าอเมริกา กำลังจะเปิดตัวอุปกรณ์เติมแกสที่เป็นเสมือนหนึ่งเครื่องใช้ในบ้านทั่ว ๆ ไป เอามาจำหน่ายควบคู่กันไปด้วย

ปัญหาของซีวิคจีเอ็กซ์ที่ผ่านมานั้นอยู่ที่หาปั๊มเติมได้น้อยมาก เพราะที่อเมริกาไม่ได้มีรถแท๊กซี่ใช้แกสธรรมชาติบีบอัดแพร่หลายกันอย่างในบางกอก ซีวิคใช้แกสจึงมุ่งขายเป็นรถฟลีทใช้ในองค์กร หรือรถเช่าเท่านั้น

สำหรับซีวิครุ่นใหม่นี้น่าจะถึงมือชาวบ้านมากขึ้น เพราะฮอนด้าได้จับมือกับฟูเอลเมกเกอร์คอร์ปพัฒนาอุปกรณ์เติมแกสที่ชื่อว่า ฟิล (Phill) ซึ่งถ้ามาบ้านเราน่าจะเรียกว่า บุญเติม (fill แปลว่า เติม)

โดยซีวิคจีเอ็กซ์และคุณบุญเติมจะถูกนำออกจำหน่ายคู่กันในต้นปีหน้า

ข้อมูลเพิ่มเติม : honda.com

ฟอร์ดฟิวชัน ซิตี้คาร์ลงตลาดอินเดีย


Ford Fusion (ข้อมูล deepikaglobal.com ภาพ ford.co.uk) Posted by Hello

ฟอร์ดฟิวชัน รถที่อยู่ในประเภทวัตถุเคลื่อนย้ายคนสำหรับกิจกรรมเมือง - 'Urban Activity Vehicle' (UAV) ของค่ายวงรีสีฟ้ากำลังจะถูกปล่อยลงเพ่นพ่านในท้องถนนแดนภารตะในเดือนหน้านี้

หากดูรูป ดูเสปคของฟอร์ดที่อังกฤษแล้ว ฟอร์ดฟิวชันน่าจะฟัดกับซิตี้คาร์ที่จำหน่ายในบ้านเราได้ไม่ยาก นั่นคือเป็นรถห้าประตูสไตล์โย่งกว่าซีดานปรกติ ลงเครื่องเบนซิน 1.4 หรือ 1.6 ลิตร หรือจะเอาดีเซล 1.4 ลิตรคอมมอนเรลรุ่นที่ 2 ก็มีให้เลือก

ราคาในตลาดอินเดียยังไม่ประกาศ แต่ไหน ๆ ก็ลงตลาดภารตะได้แล้ว จะเอาเครื่องดีเซลมาไทยหน่อยก็ไม่เลวนะครับ

ออโต้โมบิลยกนิ้วให้อะคูราอาร์แอล


2005 Acura RL (ข้อมูลและภาพจาก automobilemag.com) Posted by Hello

ออโต้โมบิลแมกกาซีนบอกชมชอบอะคูราอาร์แอล โดยยกการขับขี่เทียบชั้นอารมณ์ของเบนทลีย์คอนติเนนตัลจีทีอันเป็นรถขับสี่เช่นกันแต่หรูสุดแรงแพงสุดขั้ว ได้สบาย ๆ

ความโดดเด่นของซีดานที่ดีที่สุดจากฮอนด้าดังกล่าวอยู่ที่ระบบ SH-AWD (Super-Handling All-Wheel Drive) ที่เฉลี่ยกำลังฉุดให้แก่ล้อแต่ละล้ออย่างชาญฉลาด ส่งผลให้การเข้าโค้งหนึบนิ่ง

ที่เตะตาอีกประการคือ ไฟหน้าต่ำที่เบนได้ยี่สิบองศาสัมพันธ์กับความเร็วรถ และการเคลื่อนที่ของพวงมาลัย ซึ่งเมื่อเข้าโค้งวงแสงจะกว้างขึ้นและเบนไปในทิศที่เลี้ยว

การมาของอาร์แอลในครั้งนี้ว่ากันว่า จะยกระดับอะคูราให้เข้าสู่ลีกรถหรูที่แท้เสียที เพราะว่าทุกพื้นผิว ทุกการควบคุม ทุกความรู้สึกใหญ่เล็ก และทุกกระเบียดอณูถูกปรับปรุงให้เหนือกว่าเดิม

ตามธรรมเนียมของรถที่แปะยี่ห้ออะคูรา อุปกรณ์พิเศษต่าง ๆ ถูกอัดมาให้เพียบโดยไม่ต้องเลือกเป็นออพชั่น ไม่ว่าจะเป็นระบบเชื่อมโยงดาวเทียมที่ให้ข้อมูลเกินกว่าข่าวสารการจราจร หรือระบบเครื่องเสียงดีวีดีชั้นยอดจากโบส

ด้วยเหตุนั้น ปี 2005 นี้ ออดี้เอ 6 บีเอ็มดับเบิลยู 5 และเมอร์ซีเดสอี จึงมีคู่แข่งที่น่าเกรงขามยิ่ง

เรื่องที่เกี่ยวข้อง : รถนั่งที่ดีที่สุดของฮอนด้า 2005 อะคูราอาร์แอล

แคดิแล็คและนิสสัน รถที่ขโมยมะกันชอบ


Cadillac Escalade EXT รถที่ขโมยหมายปองเป็นอันดับหนึ่ง Posted by Hello

สถาบันประกันความปลอดภัยทางหลวงของอเมริกาบอกข่าวมาว่า รถที่ขโมยมะกันชอบอันดับหนึ่ง คือ รถกระบะหรูคาดิแลคเอสคาเลดที่มีกรณีขโมยบุกยี่สิบคันในทุก ๆ พันคัน ตามมาด้วยนิสสันแมกซิมาที่โดนดีไปแล้วสิบเจ็ดคันในทุก ๆ พันคัน

กรณีของคาดิแลคนั้นแม้ว่าจะมีระบบป้องกันการโจรกรรมพร้อมพรัก เป็นต้นว่า กุญแจอิมโมบิไลเซอร์ก็ตามที แต่ก็ยังกันไม่ได้เพราะเป็นอิมโมบิไลเซอร์แบบพื้น ๆ โดยจุดเด่นของกระบะเอสคาเลดที่ดึงดูดขโมย คือ ล้อสวย ๆ ที่เจ้าของมักนำไปแต่งใส่นั่นเอง

ส่วนนิสสันแมกซิมานั้นมีไฟหน้าความแรงสูงที่ขโมยชมชอบจนหักห้ามใจไม่ลง ต้องแอบพรากไปจากเจ้าของเสียนี่


Nissan Maxima ที่ไฟหน้าสวยจนต้องตาขโมย Posted by Hello

ที่มา : ข่าวประกาศของ hwysafety.org

Thursday, October 21, 2004

อแวนซาเปิดราคาตลาดมาเลเซีย


โตโยต้าอแวนซา ฉบับมาเลเซีย (ภาพและข้อมูล thestar.com.my) Posted by Hello

อแวนซาเปิดราคาตลาดมาเลเซียแล้ว

โดยรุ่นเกียร์แมนวลตกอยู่ที่ 55,967 ริงกิตมาเลเซีย (ประมาณ 615,000 บาท หากคิดจากอัตราแลกเปลี่ยน 11 บาทต่อริงกิต) ส่วนรุ่นเกียร์อัตโนมัติอยู่ที่ 59,990 ริงกิตมาเลเซีย (660,000 บาท) เครื่องของอแวนซาฉบับมาเลเซียเป็นตัว 1.3 ลิตร วีวีทีไอ 89 แรงม้า เช่นกับที่อื่น

อแวนซารถเอ็มพีวีขนาดเล็กจากอินโดนีเซียนี้ขายได้ 32,000 คันในตลาดอินโดนีเซียเอง และมียอดสั่งรอคิวอยู่ 15,000 คัน

ส่วนในเมืองไทย หนังสือพิมพ์เดอะสตาร์บอกว่า ขายได้ 2,800 คันนับแต่เปิดตัวเมื่อกรกฎาคมที่ผ่านมา และมียอดสั่งรอคิวอยู่ 5,500 คัน

อแวนซาจะออกขายอย่างเป็นทางการในมาเลเซีย 29 ตุลาคมนี้

หัวเรือใหญ่โรลส์รอยซ์ โดนไล่ออกเพราะขับเล็กซัส


Karl-Heinz Kalbfell (ข่าวจี้ thedailyfarce.com ข่าวจริง telegraph.co.uk) Posted by Hello

หากวันไหนเครียด ลองเข้า thedailyfarce.com ดู เพราะแม้แต่ข่าวเป็นงานเป็นการที่ทุกสำนักรายงานว่าคาร์ลไฮน์ซ คอลบ์เฟล ได้ลาออกจากการเป็นหัวเรือใหญ่ของโรลส์รอยซ์บริษัทรถหรูในเครือบีเอ็มดับเบิลยู หลังจากเข้ารับงานได้เพียง 5 เดือนเท่านั้น (โทนี ก็อตต์คนก่อนก็ลาออกแบบฉับพลันเช่นกัน) เพื่อไปรับงานในบริษัทอื่น (ข่าวออกวันนี้ 20 ต.ค. ว่าไปอยู่กับอัลฟาโรมิโอ)

แต่สำนักนี้บอกอย่างจี้เส้นว่า คอลบ์เฟลไม่ได้ลาออกเองหรอก แต่ถูกไล่ออกต่างหาก เรื่องของเรื่องก็คือมีผู้ไปพบเห็นเขาขับเล็กซัส แอลเอส-430 แทนที่จะเป็นโรลส์รอยซ์

คอลบ์เฟลพล่ามว่า "ใครจะไปขับโรลส์รอยซ์ลง รถก็หน้าตาเห่ย และเชยสิ้นดี มีแต่คนรวยเหลาเหย่เท่านั้นจะขับลง" พี่ท่านยังเปิดปากต่อว่า "พ้มกำลังจะลาออกจากตำแหน่งอยู่มะรอมมะร่อ มาไล่ผมออกก่อนยิ่งดีสิ เพราะผมจะได้ฟ้องเรียกค่าเสียหาย งานนี้คงได้เงินยอมความก้อนงามทีเดียว"

"โฮ้ย เจ้าโรลส์พวกนั้นหรือมันตกยุคไปแล้ว ควรจะเรียนรู้จากญี่ปุ่นหน่อยว่าเขาทำรถกันอย่างไร !"

สำนักกระตุกยิ้มยังบอกด้วยว่าปีนี้โรลส์รอยซ์ทำยอดขายได้ถึง 20 คัน และคงจะขายได้น้อยลงในปีต่อไป เพราะว่าคนรวยรุ่นคุณปู่เริ่มลาโลกนี้ไปมากขึ้น

ฮะฮา นี่มันผู้จัดกวนฉบับฝรั่งขนานแท้เลย เขาล้อกันแรงดีจริง ๆ

เมอร์ซีเดสเบนซ์เอสแอลเค 350


Mercedes-Benz SLK350 (ภาพและข้อมูล caranddriver.com) Posted by Hello

คาร์แอนด์ไดรเวอร์บอกว่าเมอร์ซีเดสเบนซ์เอสแอลเค 350 คันใหม่นี้ไม่ว่าจะจอดอยู่หน้าร้านหรู ๆ หรือออกกำลังซิ่ง โรดเสตอร์คันนี้ก็แจ่มทุกงาน

เมื่อปี 1997 เมอร์ซีเดสเบนซ์ทำเอาชาวบ้านร้านตลาดฮือฮากันใหญ่เมื่อส่งรถสปอร์ตรุ่นเอสแอลเคลงตลาด ซึ่งตอนนั้นตลาดสปอร์ตรุ่นเล็กราคาเบากำลังคึกคักด้วยแรงกระตุ้นจากบีเอ็มดับเบิลยูแซดสาม และพอร์ชบ็อกสเตอร์ ในครั้งนั้นเมอร์ซีเดสเบนซ์ก็มีจุดขายของตัวคือ หลังคาแข็งที่ยกคลุมและพับเก็บได้ชั่วกดปุ่มไม่กี่อึดใจ และคนก็ชอบกันมาก เจ้าของเอสแอลเคถึงกับต้องเปิดปิดหลังคาอวดคนอยู่ประจำ

แต่ว่าใช่ว่าทุกอย่างจะสมบูรณ์แบบ เอสแอลเครุ่นแรกนั้นแม้หน้าตาจะใช้ได้แล้ว ชาวบ้านคาใจกันมากกับความเป็นรถสปอร์ตแต่ซิ่งไม่ค่อยออก ทำให้ถูกค่อนแคะไว้หนาหูเหมือนกัน

มาถึงปี ค.ศ. นี้ เอสแอลเครุ่นใหม่ดูเหมือนจะเตรียมตัวมาดี นอกจากเส้นสายลำตัวรถจะดูสวยงาม ถอดแบบมาจากเอ็มบี เอสแอลอาร์ แมคคลาเร็น อันให้อารมณ์รถสปอร์ตเต็มขั้นแล้ว ยังพกฝีตีนและกำลังฉุดมาพร้อมพรัก

คาร์แอนด์ไดรเวอร์บอกว่านอกจากเครื่องยนต์จะสมตัวมากขึ้น ท่อไอเสียคู่ยังบรรเลงเสียงที่เสนาะโสตเป็นยิ่งนัก หันไปทางการขับขี่ จังหวะพวงมาลัย การออกตัว นั้นก็ไม่บันเบากว่าใครในลีกเดียวกัน

และแน่นอนหลังคาแข็งยกขึ้นลงอัตโนมัติยังมีไว้ให้สาว ๆ กรี๊ดเช่นเดิม

อย่างนี้เจ้าช้างเพื่อนผมต้องพิศมัยแน่ ๆ เพราะว่ามันไม่ถูกตากับรถเปิดประทุนที่แปลงมาจากรถซีดานเอามาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นซีรีส์ 3 หรือ เอ 4 ก็ตามที เห็นทีไรก็ต้องบอกว่า แค่เฉาะหลังคาออกมันจะเท่ได้อย่างไร โรดสเตอร์ของจริงมันต้องเป็นตั้งแต่เกิดโว้ย

ว่าแต่ว่าเคยได้ยินเข้าหูไหมครับ ที่เขากระแนะกระแหนว่า ใครซื้อโรดสเตอร์มาขับดมควันรถติดในเมืองไทย คนนั้นเป็นคนมีตังค์แต่ไร้สมอง

อาจจะจริงละนะ ถ้าเมืองไทยคือ กรุงเทพฯ อันนอกจากรถจะติด ฝนจะตก ควันพิษจะเยอะ คนที่นั่งรถเปิดประทุนก็จะเห็นแต่นักกีฬาโอลิมปิคเท่านั้นถึงจะเท่ นอกนั้นถ้าคนอื่นทำ ก็จะมีคนมองตาเป็นแถว ไม่ใช่เขาชื่นชมรถหรอกนะ แต่เขาคิดว่าคนนั้นเป็นบ้า

แต่...ครับ... แต่ เมืองไทยนั้นใช่มีแค่กรุงเทพฯ เสียเมื่อไร ถ้าไปถามคนต่างจังหวัด เขาว่ากันว่า รถเปิดประทุนนี่เหมาะที่สุดแล้วสำหรับการขับรถกินลมชมวิว

หากใครเป็นคนบ้านนอกอย่างผมลองนึกถึงบรรยากาศปลายฝนต้นหนาวอย่างช่วงนี้ดูนะครับ โดยเฉพาะช่วงยามเย็นที่แดดกำลังยอแสง

ลองนึกดูว่าในบรรยากาศเช่นนั้น ได้โรดสเตอร์เปิดประทุนรับลมสักคัน พร้อมกับคนรู้ใจนั่งข้าง ค่อย ๆ ขับไถลเคลื่อนตัว ไหลเรื่อยไปตามถนนอันมักจะมีคลองและดงบัว ดงผักกระเฉดขนาบข้าง ถัดออกไปรอบทั้งสองด้านจะเป็นทุ่งนาอันกว้างใหญ่ไพศาล ทุ่งข้าวที่กำลังตั้งท้องต้องลมระบัดใบเป็นระลอกคลื่น อากาศเย็นสบาย ลมรำเพยเบา ๆ มาปะทะใบหน้า กลิ่นดิน กลิ่นน้ำอันอุดมสมบูรณ์โชยอบอวลทั่วบริเวณ หมู่แมงปอปีกใส หมู่ผีเสื้อบินกันเพรียกพรัก ไอแห่งความสุข ความสมบูรณ์ของธรรมชาติเบ่งบานอย่างยากจะหาใดเปรียบ

ความอิ่มใจ และสวรรค์บนดินก็อยู่ตรงนั้นเอง

เมื่อเห็นผมเอ่ยถึงเอสแอลเค เจ้าเชษฐ์น้องข้างบ้านมันแสร้งพูดดัง ๆ ว่า แค่มาสด้ามิอาตะก็สุดหรูแล้ว ไม่ต้องเบนซ์เบินซ์อะไรหรอก ยิ่งน้องหมิวสาวที่มันหมายปองตอนนี้ไม่ค่อยมอง "รถรับลม" อย่างตราจรเข้เอาเลย เห็น ๆ ว่าไปเหล่จักรยานที่แปะตราเทร็ก หรือไม่ก็ชวินน์เสียนี่

เจ้าเชษฐ์บอกว่ามันได้เอาจรเข้ไปเทิร์นเป็นแกรี่ ฟิชเชอร์แล้ว แต่เถ้าแก่ประจำร้านไม่รับ เลยต้องควบจักรยานคนจนคันนี้สูดลมยามเย็นไปก่อน

Tuesday, October 19, 2004

2006 เมอร์ซีเดส-เบนซ์ เอสคลาส


2006 Mercedes-Benz S-Class (ภาพและข้อมูล caranddriver.com) Posted by Hello

เอสคลาสตัวใหม่ที่คาดว่าจะเปิดตัวในงานแสดงรถที่แฟรงก์เฟิร์ตปี 2005 เริ่มแสดงตัวให้คนเห็นแล้ว

เอสตัวใหม่นี้จะใหญ่กว่าเดิม กว้างกว่าเดิม และหน้าตาดูจะนำมาจากแนวเดิมของตัวเองปรับเข้ากับเส้นโค้งหลังคาของเมอร์ซีเดสซีแอลเอส และแนวข้างลำตัวตอนท้ายของมัยบัค

ที่เปลี่ยนไปมากอีกประการนั้นอยู่ภายในห้องโดยสาร คือ ปุ่มควบคุมระบบต่าง ๆ ของรถจะน้อยลง และหันไปใช้ชุดควบคุมที่เลียนแบบสไตล์ไอไดรฟ์ของบีเอ็มดับเบิลยูซีรีส์เจ็ดแทน

นอกจากนี้ยังพิเศษสำหรับผู้ที่ไม่มีปัญญาได้ขี่เบนซ์กับเขา จงเล็งให้ดีกับเอสคลาสตัวใหม่นี้ หากเห็นที่ใดลองกระโจนก้าวตัดหน้ารถดู ถ้าเป็นเอสใหม่ของแท้จะมีถุงลมนอกรถพองตัวออกมาจากกระจังหน้า เพื่อปกป้องคนเดินถนนผู้เจตนาน่าสงสัยคนนั้น เอ๊ะ หรือว่าเมอร์ซีเดส-เบนซ์ทำสีมาไม่ดีกลัวกันชนรถถลอกกันแน่

งานนี้ผู้ที่ชมชอบกระโดดตัดหน้ารถอย่างตำรวจจราจรจำนวนหนึ่งอาจได้ของเล่นใหม่

ออดี้ทีทีคันที่ 250,000


Audi TT คันที่ปักหมุดหมาย 250,000 (ภาพและข้อมูล fourtitude.com) Posted by Hello

เหมือนเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นไม่กี่เดือนก่อน ที่เห็นออดี้ทีทีวิ่งบนท้องถนนครั้งแรก

แต่ในโลกแห่งความเป็นจริงแล้ว ออดี้ทีทีคันที่หนึ่งหลุดออกมาจากสายพานการผลิตเมื่อเมษายน ค.ศ.1998 หรือกว่าหกปีก่อน

และมาวันนี้ (18 ตุลาคม 2004) ออดี้ทีทีถูกผลิตทะลุ 250,000 คันแล้ว โดยคันที่ถูกบันทึกในบรรทัดของประวัติศาสตร์เป็นออดี้คูปสีเหลือง เครื่อง 3.2 ลิตร หกสูบ 250 แรงม้า ขับสี่แบบควอตโตร และเกียร์แบบไดเร็คชิฟท์ดีเอสจี วิ่งออกมาจากโรงงานของออดี้ในประเทศฮังการี

นับแต่อวดโฉมในโลกยานยนต์ ออดี้ทีทีเขย่าวงการรถยุคปัจจุบันได้อย่างยากจะหาใครเปรียบ ทั้งในแง่ของความฉลาดเฉลียวในการออกแบบ และสไตล์ที่สดใหม่ไม่เหมือนใครมาก่อน

โดยเฉพาะเส้นโค้งหลังคา และเส้นโครงร่างรถ ที่ก่ออิทธิพลแก่รถรุ่นอื่น ๆ ที่ตามมาตอนหลังจำนวนมาก หรือการตกแต่งภายในที่ประณีตดั่งนาฬิกาสวิสชั้นดี โดยใช้อลูมิเนียมแท้ และเบาะหนังเย็บอย่างถุงมือเบสบอลก็เป็นแนวเท่ที่ออดี้ทีทีเป็นผู้เริ่ม

ต้องขอบคุณฟรีแมน โทมัส ผู้ที่วาดปลายปากการ่างแบบขึ้นมา และออดี้ ผู้ที่ตัดสินใจลงมือสร้างรถที่ให้สีสันแก่โลกอย่างทีทีคันนี้

รถยี่ห้อจีนบุกตั้งโรงงานผลิตและขายในมาเลเซีย อาจมาไทย


Chery QQ - บน ปะทะ Chevrolet Spark - ล่าง (ข้อมูล thestar.com.my ภาพ nytimes.com) Posted by Hello

เชอรี บริษัทรถของจีนบุกตั้งโรงงานผลิตรถในมาเลเซีย โดยจับมือกับเจ้าถิ่นอลาโดคอร์ป นอกจากเชอรีลุยตลาดในมาเลเซียแล้ว ยังวางแผนที่จะใช้เอเซียนฟรีเทรดแอเรียส่งไปยังประเทศในอาเซียนอีกต่างหาก นั่นคือ อาจรวมไทยเข้าไปด้วย

เป้าหมายที่บริษัทพันธมิตรทั้งสองวางไว้ คือ จะนำรถเชอรีสู่ตลาดหกรุ่นภายในสองปี โดยตัวแรกที่จะส่งเบิกทางคือ เชอรีคิวคิว เครื่อง 800 หรือ 1,100 ซีซี ที่ราคาตั้งต้นประมาณ 40,000 ริงกิต หรือ 440,000 บาท ยอดที่ตั้งไว้คือ สองปีหนึ่งหมื่นคัน

แต่ใช้ว่าหนทางจะปูด้วยพรมแดง เชอรีคิวคิวนั้นถูกจีเอ็มตามฟ้องว่าละเมิดลิขสิทธิ์ทางปัญญาเพราะดันไปเหมือนกับเชฟวีสปาร์กมากเหลือเกิน แต่นายใหญ่ของเชอรีเองอ้างว่า ตัวไปพัฒนามาจากศูนย์วิจัยในญี่ปุ่นและยุโรป และเชอรีก็เอาตัวรอดในตลาดจีนได้เนื่องจากทางการเลือกข้างรถชาติตัวเอง

จีเอ็มเองก็ประกาศเหมือนกันว่าเชอรีคิวคิวไปที่ไหนก็จะตามชวนขึ้นศาลที่นั่น

แหม ! รักกันเสียจริง ๆ

ร็อคสตาร์มินิ - ดำ, ดุ


Rockstar MINI (ข้อมูลและภาพจาก mwerks.com สาวกบีเอ็มตัวยง) Posted by Hello

มินิแบบร็อคสตาร์ เกิดขึ้นเมื่อร็อคเกอร์หน้าใหม่ ดำริจะยึดแนวการใช้ชีวิตแบบร็อคเกอร์ขาใหญ่

อย่างที่เห็น ๆ กันว่า บรรดาซูเปอร์สตาร์ในวงการบันเทิง ซึ่งส่วนหนึ่งก็คือ นักร้อง เมื่อดังถึงขั้นและก็รวยถึงขั้น ก็มักจะหาเครื่องประดับบารมีมาใส่ตัว ไม่ว่าจะเป็นบ้านหลังใหญ่ เสื้อผ้าราคาแพง เครื่องเพชรโอฬาร และรวมถึงวัตถุเคลื่อนย้ายคนอันไม่ธรรมดาที่จอดอยู่ในโรงรถนั้นด้วย

รถที่คนดังเขาฮิตกันมักจะเป็นรถราคาแพง เป็นต้นว่า เบนท์ลีย์, เฟอร์รารี่ หรือเมอร์ซีเดส แต่คันที่เห็นนี้ไม่ใช่รถหรู หรือราคาสูงเช่นนั้น

รถมินิคันที่ใคร ๆ เห็นก็เตะตานี้ เป็นรถของนักร้องหน้าใหม่ที่กำลังเริ่มสร้างชื่อนามว่า ชาร์ลีย์ ดีท

เจ้ามินิคันนี้ถูกเติมแต่งมาจากมินิคูเปอร์เอส โดยปรัชญาในการแต่งนั้น คือ "less is more" ทำรถให้ดูเรียบ ๆ แต่มีเชิงมีมาดเกินธรรมดา

อันดับแรก มินิคันนี้ถูกถอดสิ่งที่รกตาออก โดยเฉพาะบรรดาป้ายสัญลักษณ์ต่าง ๆ และจัดการเปลี่ยนครีบจากมินิตัวธรรมดาเข้าไปพร้อมกับทำสีให้เหมือนตัวรถ กระจังหน้าใช้ของแอโร ชิ้นส่วนที่เป็นโครเมียมรอบ ๆ ขอบประตูถูกปกปิดด้วยไวนิลสีดำ กระจกประตูและกระจกหลังถูกติดฟิล์มทึบ เพื่อเน้นความดำตามแนวแต่งหลัก

ล้อถูกเปลี่ยนเป็นอัลลอยรมดำ 17 นิ้วจากบีบีเอส พร้อมยางมิชชิลิน 215/40 -17

เมื่อเสร็จจากการปรุงภาพลักษณ์ทางสายตาแล้ว สิ่งที่อยู่ใต้กระโปรงก็ต้องปรับให้ล้ำแนวกันบ้าง แม้ว่าม้าเดิม 163 ตัวจากเครื่องซูเปอร์ชาร์จนั้นดูจะเกินพอก็เถอะ หนุ่มชาร์ลีกลับยกเครื่องระบบหายใจด้วยชุดแต่งจากทูนเนอร์มอร์เตอร์สปอร์ต อันนอกจากจะให้ม้าเพิ่มอีกหน่อยแล้ว ยังให้เสียงฟืดฟาดเร้าอารมณ์อย่างดี พร้อมกันนั้นก็เปลี่ยนพูลเลย์ของตัวซูเปอร์ชาร์จพร้อมกับปรับกล่องอีซียูให้แรงบูสต์มากขึ้นไปอีก

ไม่เพียงแต่ปรับชุดหายใจเข้าอย่างเดียว ชุดหายใจออกก็ไม่มองข้าม โดยเอาระบบไอเสียเสตนเลสไร้สนิมของบอร์ลามาใส่แทนของเดิม อันทำให้ลมไหลเวียนดีขึ้น มีน้ำหนักเบากว่าเดิมถึง 15 ปอนด์ และเสียงคำรามที่ได้นั้นลึก อิ่ม ดังกำลังดี

ถึงแม้เจ้ามินิฉบับร็อคสตาร์ตัวนี้จะไม่ได้ถูกจับขึ้นไดโน แต่จากการวัดของมินิเจ้าอื่นที่ทำสูตรเดียวกันเห็นว่าได้ม้าถึง 215 ตัวเลยทีเดียว

ส่วนในห้องคนขับ เกจ์วัดบูสต์และแรงดันน้ำมันเครื่องจากบีเอ็มพีถูกติดตั้งเข้าไปตามธรรมเนียมของขาซิ่ง

แค่นี้น่าจะพอ แต่เพื่อความล้ำแนวในทุกมิติ ชาร์ลีย์จึงเอาชุดสปริงจากเอชแอนด์อาร์มาลง ให้ยึดถนนมากขึ้น พร้อมกับปรับระดับได้ด้วย แม้ว่าเรื่องเกาะถนนนั้น มินิจะสืบทอดกันมาดีตั้งแต่รุ่นคลาสสิคแล้วก็ตาม

จากทั้งหมด ร็อคเกอร์หน้าใหม่คนนี้ก็ได้รถที่ลงตัว ทั้งงามตา ทั้งแรง และขับสนุก แต่ตามประสานักดนตรีเรื่องเสียงเพลงย่อมขาดไม่ได้ จึงต้องอัดชุดเครื่องเสียงจากฮาร์มานกอร์ดอนลงไปซะเต็มคราบ พร้อมกับแปลงให้รับอินพุทจากเครื่องเล่นไอพอดที่กำลังฮิตได้อีกต่างหาก

แม้ว่าเรื่องเพลงจะยังไม่ออกหัวหรือว่าออกก้อย (ใครเคยได้ยินวงแซลลี่หรือเปล่าครับ) ผลจากการแต่งคันนี้ หลายคนต้องยกนิ้วละครับว่า "รถนิยม" ของร็อคเกอร์คนนี้ มีแนวดีใช่ย่อย

แผนการตลาดใหม่ เฮือกสุดท้ายเพื่อกอบกู้มิตซูบิชิ


2004 Mitsubishi Diamante (ข้อมูล businessweek.com ภาพ cars.com)Posted by Hello

เมื่อสองปีที่แล้วมิตซูบิชิ วางเดิมพันอนาคตของตัวเองในตลาดอเมริกาโดยมีปิแอร์ แก็กนอนเป็นผู้นำขบวนเดินแผนการตลาดสูตร "0-0-0" นั่นคือ อัตราดอกเบี้ยศูนย์เปอร์เซนต์, ไม่ต้องมีเงินดาวน์ และไม่ต้องส่งงวดรายเดือนเป็นเวลาหนึ่งปี เป้าหมายก็คือ เรียกวัยรุ่นให้เข้าดีลเลอร์มิตซูให้ระเบิดเถิดเทิง

สองปีให้หลัง การพยายามขายรถให้แก่ผู้ที่ยังขาดสตังค์ก็ให้ผล คือ มีคนเลิกจ่ายงวดรถกันเพียบ ยอดขายตก 49 เปอร์เซนต์ แก็กนอนก็กระเด็นหลุดจากตำแหน่ง และผู้ที่มาแทนคือ ฟินบาร์ โอนีล มือทองที่ทำฮุนไดติดตลาดอเมริกาเหนือนั่นเอง

ตอนนี้มิตซูบิชิยังไม่มีรถรุ่นใหม่ ๆ ลงตลาด ดังนั้นโอนีลจึงใช้สูตรที่ได้ผลกับฮุนไดมาแล้ว คือ เพิ่มระยะเวลาการประกันและปรับนโยบายการบริการ โดยจะยิงโฆษณาสร้างภาพลักษณ์ใหม่ในช่วงนี้

แต่ผู้สันทัดบางรายบอกว่า ยาขนานนี้อาจจะมาช้าไป และไม่ได้ผล เพราะมิตซูบิชิอยู่ในตลาดมายี่สิบกว่าปี ก็ยังสร้างความโดดเด่นจากคู่แข่งไม่ได้

ส่วนอีกคนก็บอกว่า มิตซูไม่ได้มีปัญหาเรื่องคุณภาพรถเท่าไร เพราะจากการสำรวจของเจดีเพาเวอร์นั้นมิตซูก็เกาะกลุ่มอยู่กลาง ๆ ร่วมกับยี่ห้ออื่น การหันมาเน้นสร้างภาพชนิดกลับหลังหันแบบนี้อาจทำให้ผู้ซื้อที่เห็นมิตซูบิชิชูภาพลักษณ์การเป็นรถขับสนุก รถที่น่าตื่นเต้นมาตลอดจนเจนตา สับสนเอาได้ง่าย ๆ

นักวิเคราะห์อีกรายบอกว่า ปัญหาของมิตซูอยู่ที่ผลิตภัณฑ์ไม่โดนใจผู้ซื้อมากกว่า แม้ว่ารถคูปอิคลิปส์ตัวใหม่ และกระบะเรเดอร์ใหม่จะเข้ามาในปีหน้า ก็ไม่น่าจะช่วยอะไรได้มาก ที่เข้าท่าตอนนี้ก็มีแต่เจ้า"อีโว" เท่านั้น

มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าการกอบกู้ของโอนีลอาจจะเป็นเฮือกสุดท้ายของมิตซูบิชิ เพราะหลังจากเข้ารับตำแหน่งก็จัดการผ่าตัดโรงงานบางโรงให้หยุดผลิตเอสยูวีรุ่นมอนเทโรสปอร์ต และรถซีดานรุ่นไดอะมอนเต้ รวมถึงการลดกะการผลิต การเอาคนงานออกนับพันอีกด้วย

ทางด้านมิตซูบิชิมอเตอร์ที่ญี่ปุ่นก็กระวนกระวายกับความเป็นไปในอเมริกาเหนือใช่ย่อย เพราะตัวเองก็เจอปัญหาอื้อฉาวเรื่องคุณภาพรถบรรทุกฟูโซ และเลขแดงก็วิ่งอยู่ในบัญชีธนาคาร

ก็มาลุ้นกันครับว่าโอนีลจะช่วยมิตซูได้หรือไม่ เพราะมีบางบริษัทสถิติไปสำรวจมา ได้ความว่าผู้ซื้อรถยนต์ที่เห็นมิตซูบิชิอยู่ในสายตานั้นร่วงมาจาก 6.2 เปอร์เซนต์เมื่อกลางปีที่แล้ว เหลือแค่ 3.6 เปอร์เซนต์เท่านั้น ส่วนแบ่งการตลาดจากปีที่แล้วได้มา 1.6 ก็เหลืออยู่แค่ 1 เปอร์เซนต์

ครับ ในช่วงนี้เห็นข่าวมิตซูบิชิที่ไหนก็มีแต่เรื่องร้าย ๆ ก็หวังว่าน่าจะมีสิ่งมหัศจรรย์เข้ามาช่วยอุ้มชู้ให้ค่ายตราเพชรได้มาผงาดอีกครั้ง เหมือนกับที่เกิดขึ้นกับหลายยี่ห้อมาแล้ว ในไม่ช้าด้วยเถอะ

Sunday, October 17, 2004

เมอร์ซิเดส CLK-DTM สุดยอดรถนอกสนามแข่ง


Mercedes CLK-DTM AMG ความหรู ความแรง ความแพงระยับบนถนนสามัญ Posted by Hello

สำนัก AMG ยกคูป CLK มาเสริมเสกิร์ตรอบคัน ใส่โป่งข้าง และติดสปอยเลอร์ท้าย ทั้งหมดทำจากคาร์บอนไฟเบอร์วัสดุที่แข็งแรงแต่น้ำหนักเบา บวกกับปรับระดับการเต้นหัวใจด้วยการแต่งเครื่องแปดสูบ 5.5 ลิตรซูเปอร์ชาร์จ ให้มีฝีตีน 574 แรงม้าที่ 6100 รอบ

ไม่เท่านั้น เจ้าเมอร์ซีเดสคันนี้มีกำลังฉุดลากเหลือเฟือ แค่รอบเครื่องแตะ 2000 แรงฉุดก็ทะลุ 500 ปอนด์-ฟุตแล้ว

เรียกว่าเหยียบปั๊บหลังติดเบาะทันที และรถบ้านติดวิญญาณรถแข่งคันนี้ยังสามารถกระโจนจากนิ่ง ๆ วิ่งสู่ 60 ไมล์ต่อชั่วโมงได้ภายในชั่ว 3.8 วินาที ทั้ง ๆ ที่รถนั้นหนักถึง 3854 ปอนด์ หรือเกือบ ๆ สองเท่าของรถรุ่นเดียวกันในสนามแข่ง


Mercedes CLK-DTM AMG พร้อมปีกติดบั้นท้าย บอกใบ้ว่านี่ไม่ใช่รถเบนซ์ธรรมดา ๆ ของอาเสี่ย อาซ้อ Posted by Hello

รถคูป CLK ที่ถูกนำไปปรับแต่งนี้มีให้เลือกแค่สีเงิน หรือสีดำเท่านั้น และราคาก็อยู่ที่ไม่มากไม่น้อยแค่ 250,000 เหรียญสหรัฐ หรือเอาไปออกรถฮอนด้าซีวิคคูปได้ 15 คัน

ข่าวร้ายคือ เขาทำมา 100 คัน และก็ขายไปหมดแล้ว

และข่าวที่ร้าย"บัติซบ" กว่าคือ กระเป๋าตังค์ของผมและคุณ ๆ ส่วนใหญ่ไม่อนุญาตให้แม้แต่จะฝันถึง

ที่มา : autoweek.com

บีเอ็มซีรีส์ 5 ใหม่ ออกสตาร์ทฝืด


BMW 5 Series (ข้อมูล freep.com ภาพ MWerks.com) Posted by Hello

บิมเมอร์ใหม่สายพันธุ์ 5 คันนี้ ถูกผู้คนทั่วโลกจับตาและคาดหวังไว้อย่างมาก เพราะโฉมที่แล้วมีคนนิยมกันสูง ทว่าการออกแบบรถโฉมใหม่ในแนวไม่รักก็เกลียดเลยของคริส เบงเกิล ทำท่าจะไม่ประสบความสำเร็จ

ดังที่เมืองลุงแซม เจ้า 5 ใหม่ตัวที่ขายดีที่สุดคือ 530i นั้นถูกตั้งไว้ที่ 45,595 เหรียญสหรัฐ แต่ว่ากันว่าราคาขายจริงเมื่อเดือนที่แล้วนั้นอยู่ที่ 44,055 เหรียญเท่านั้น

ต้นตอที่ทำให้ต้องขายต่ำกว่าราคาป้าย ก็คือ เจ้า 5 ตัวใหม่นี้ลงตลาดมาสามไตรมาสแต่ทำยอดได้แค่ 32,617 คัน ขณะที่ในปีที่ผ่านมาซีรีส์ 5 ตัวเดิมถึงแม้จะตกสมัยแล้วและเชยเต็มทียังทำยอดได้ถึง 35,867 คัน

การขายไม่ค่อยออกนี้ เป็นอาการที่ผิดปรกติสำหรับรถโฉมใหม่หมดจด โดยเฉพาะจากค่ายบีเอ็มดับเบิลยูด้วยแล้ว ถือว่าน่าผิดหวัง

ฝ่ายนักวิเคราะห์ก็มุ่งเหตุไปที่หน้าตาอันหวือหวาผิดแนว รวมถึงระบบ "ไอไดรฟ์" ที่ซับซ้อนต่อการใช้งานทั้งที่มีไว้เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ขับ และอีกอย่างคือการส่งมอบรถจากโรงงานก็ล่าช้าไปเมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา

ถึงแม้จะออกสตาร์ทฝืดสำหรับรถที่ถูกขนานนามว่าเป็นสปอร์ตซีดานที่ดีที่สุดในโลก แต่ผู้สันทัดเรื่องรถบอกว่าอย่าเพิ่งสรุปว่าเจ้า 5 ตัวนี้จะไม่รุ่ง เพราะตัวแวกอนยังไม่ออกมา รวมถึงตัวเอ็ม 5 สิบสูบ 500 แรงม้าอันเลื่องลือนั่นด้วย

อ่ะ ผู้ไม่ค่อยสันทัดอย่างผมกลับเห็นไปอีกอย่าง คือ ถ้าเว้ากันตรง ๆ บีเอ็มแวกอน กับรถพิเศษอย่างเอ็ม 5 นั้นไม่ใช่ตัวที่จะขายได้มากมายอะไรหรอก ประวัติศาสตร์ไม่เคยมี แต่ถ้าจะให้รุ่งก็ต้องมีกระแสอะไรสักอย่างที่ตอนนี้ยังไม่มี มาช่วยดันเสียมากกว่า

อย่างว่าแหละนะ รสนิยมใคร ก็"รถนิยม"คนนั้น แต่โดยสายตาของคนไม่เคยผ่านห้องเรียนศิลปะอย่างผมแล้ว ก็ไม่โดนกับเส้นสายการออกแบบรถของคุณคริสเท่าไรนัก พูดง่าย ๆ ผมอยากจะถอดไฟท้ายซีรีส์ 5 ไปประดับเวทีลำซิ่งควบกับเวทีกันตรึมร็อคข้าง ๆ โรงลิเก

หมายเหตุ - หลังจากที่ข้อความข้างต้นโพสต์ออกไปไม่นาน คุณ DeeBee ผู้ใจดีชาวรัชดาแห่งพันทิปดอทคอม ได้กรุณาให้ความรู้ว่า ผมเข้าใจผิดเรื่องราคาป้าย - ซึ่งเป็นจริงตามนั้นครับ การขายเจ้า 5 ต่ำกว่าราคาป้ายเป็นการขายปรกติของเมืองลุงแซมเขา ไม่ได้มีการลดราคาแต่อย่างใด และอีกประเด็นหนึ่งที่อาจทำให้เข้าใจคลาดเคลื่อนเพราะคำกำกวม คือ "เจ้า 5 ตัวใหม่นี้ลงตลาดมาสามไตรมาสแต่ทำยอดได้แค่ 32,617 คัน ขณะที่ในปีที่ผ่านมาซีรีส์ 5 ตัวเดิมถึงแม้จะตกสมัยแล้วและเชยเต็มทียังทำยอดได้ถึง 35,867 คัน" ตรงที่เน้นคำควรแก้เป็น ขณะที่ช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว - ขอบคุณคุณ Deebee มาก ๆ ครับ