Tuesday, October 19, 2004

แผนการตลาดใหม่ เฮือกสุดท้ายเพื่อกอบกู้มิตซูบิชิ


2004 Mitsubishi Diamante (ข้อมูล businessweek.com ภาพ cars.com)Posted by Hello

เมื่อสองปีที่แล้วมิตซูบิชิ วางเดิมพันอนาคตของตัวเองในตลาดอเมริกาโดยมีปิแอร์ แก็กนอนเป็นผู้นำขบวนเดินแผนการตลาดสูตร "0-0-0" นั่นคือ อัตราดอกเบี้ยศูนย์เปอร์เซนต์, ไม่ต้องมีเงินดาวน์ และไม่ต้องส่งงวดรายเดือนเป็นเวลาหนึ่งปี เป้าหมายก็คือ เรียกวัยรุ่นให้เข้าดีลเลอร์มิตซูให้ระเบิดเถิดเทิง

สองปีให้หลัง การพยายามขายรถให้แก่ผู้ที่ยังขาดสตังค์ก็ให้ผล คือ มีคนเลิกจ่ายงวดรถกันเพียบ ยอดขายตก 49 เปอร์เซนต์ แก็กนอนก็กระเด็นหลุดจากตำแหน่ง และผู้ที่มาแทนคือ ฟินบาร์ โอนีล มือทองที่ทำฮุนไดติดตลาดอเมริกาเหนือนั่นเอง

ตอนนี้มิตซูบิชิยังไม่มีรถรุ่นใหม่ ๆ ลงตลาด ดังนั้นโอนีลจึงใช้สูตรที่ได้ผลกับฮุนไดมาแล้ว คือ เพิ่มระยะเวลาการประกันและปรับนโยบายการบริการ โดยจะยิงโฆษณาสร้างภาพลักษณ์ใหม่ในช่วงนี้

แต่ผู้สันทัดบางรายบอกว่า ยาขนานนี้อาจจะมาช้าไป และไม่ได้ผล เพราะมิตซูบิชิอยู่ในตลาดมายี่สิบกว่าปี ก็ยังสร้างความโดดเด่นจากคู่แข่งไม่ได้

ส่วนอีกคนก็บอกว่า มิตซูไม่ได้มีปัญหาเรื่องคุณภาพรถเท่าไร เพราะจากการสำรวจของเจดีเพาเวอร์นั้นมิตซูก็เกาะกลุ่มอยู่กลาง ๆ ร่วมกับยี่ห้ออื่น การหันมาเน้นสร้างภาพชนิดกลับหลังหันแบบนี้อาจทำให้ผู้ซื้อที่เห็นมิตซูบิชิชูภาพลักษณ์การเป็นรถขับสนุก รถที่น่าตื่นเต้นมาตลอดจนเจนตา สับสนเอาได้ง่าย ๆ

นักวิเคราะห์อีกรายบอกว่า ปัญหาของมิตซูอยู่ที่ผลิตภัณฑ์ไม่โดนใจผู้ซื้อมากกว่า แม้ว่ารถคูปอิคลิปส์ตัวใหม่ และกระบะเรเดอร์ใหม่จะเข้ามาในปีหน้า ก็ไม่น่าจะช่วยอะไรได้มาก ที่เข้าท่าตอนนี้ก็มีแต่เจ้า"อีโว" เท่านั้น

มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าการกอบกู้ของโอนีลอาจจะเป็นเฮือกสุดท้ายของมิตซูบิชิ เพราะหลังจากเข้ารับตำแหน่งก็จัดการผ่าตัดโรงงานบางโรงให้หยุดผลิตเอสยูวีรุ่นมอนเทโรสปอร์ต และรถซีดานรุ่นไดอะมอนเต้ รวมถึงการลดกะการผลิต การเอาคนงานออกนับพันอีกด้วย

ทางด้านมิตซูบิชิมอเตอร์ที่ญี่ปุ่นก็กระวนกระวายกับความเป็นไปในอเมริกาเหนือใช่ย่อย เพราะตัวเองก็เจอปัญหาอื้อฉาวเรื่องคุณภาพรถบรรทุกฟูโซ และเลขแดงก็วิ่งอยู่ในบัญชีธนาคาร

ก็มาลุ้นกันครับว่าโอนีลจะช่วยมิตซูได้หรือไม่ เพราะมีบางบริษัทสถิติไปสำรวจมา ได้ความว่าผู้ซื้อรถยนต์ที่เห็นมิตซูบิชิอยู่ในสายตานั้นร่วงมาจาก 6.2 เปอร์เซนต์เมื่อกลางปีที่แล้ว เหลือแค่ 3.6 เปอร์เซนต์เท่านั้น ส่วนแบ่งการตลาดจากปีที่แล้วได้มา 1.6 ก็เหลืออยู่แค่ 1 เปอร์เซนต์

ครับ ในช่วงนี้เห็นข่าวมิตซูบิชิที่ไหนก็มีแต่เรื่องร้าย ๆ ก็หวังว่าน่าจะมีสิ่งมหัศจรรย์เข้ามาช่วยอุ้มชู้ให้ค่ายตราเพชรได้มาผงาดอีกครั้ง เหมือนกับที่เกิดขึ้นกับหลายยี่ห้อมาแล้ว ในไม่ช้าด้วยเถอะ